ถึงปีนี้เราจะไม่ได้เห็นสมาร์ทโฟนไลน์อัพ ‘Galaxy Note Series’ โมเดลใหม่จาก Samsung เปิดตัวออกมา แต่ก็เป็นไปตามที่คาดการณ์กันไว้ก่อนหน้านี้ เพราะทั้งสมาร์ทโฟนในไลน์อัพ Galaxy S อย่าง S21 และ ‘Galaxy Z Fold3’ ในไลน์อัพ Fold ที่เพิ่งเปิดตัวออกมาในงาน Galaxy Unpacked ไปสดๆ ร้อนๆ ล้วนแล้วแต่ใช้งานคู่กับปากกา S Pen ได้ทั้งคู่
แล้วนอกเหนือจากความสามารถในด้านการรองรับใช้งานปากกา S Pen งาน Samsung Galaxy Unpacked 2021 ในครั้งนี้จะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ โมเดลไหนที่น่าสนใจเปิดตัวออกมาอีกบ้าง แต่ละโปรดักต์จะมีนวัตกรรมโดดเด่นและน่าเป็นเจ้าของแค่ไหน THE STANDARD ได้สรุปข้อมูลสำหรับผู้ที่พลาดการรับชมงานเปิดตัวมาไว้ให้แล้วในโพสต์นี้
Galaxy Z Fold3 รองรับการใช้งานคู่ปากกา S Pen ซ่อนกล้องใต้จอ
- สมาร์ทโฟนจอพับได้เจเนอเรชันที่ 3 ในไลน์อัพของ Galaxy Z Fold มาพร้อมกับหน้าจอแบบ Dynamic AMOLED 2X (จอหลักด้านในขนาด 7.6 นิ้ว เมื่อพับจอ จอคัฟเวอร์ด้านนอกจะอยู่ที่ 6.2 นิ้ว)
- ความพิเศษคือจอด้านในขนาด 7.6 นิ้ว ที่แสดงผลได้ใหญ่เต็มตาเต็มอารมณ์นั้น Samsung ได้ซ่อนกล้องไว้ใต้จอแบบ UDC (Under Display Camera) แล้ว เพื่อลบรอยบากกล้องลบสิ่งกีดขวางต่างๆ ออกไป หมายความว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนจอพับได้รุ่นแรกของโลกที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีซ่อนกล้องใต้จอ ทำให้แสดงผลความบันเทิงได้เต็มตากว่าเดิม แถมยังแสดงผลได้สว่างกว่ารุ่นก่อน 29%
- กล้องด้านนอก 3 ตัว คือ เลนส์ Wide, Ultra Wide และ Tele (12 ล้านพิกเซลทั้งหมด) ส่วนกล้องหน้าด้านนอกอยู่ที่ 10 ล้านพิกเซล และกล้องหน้าด้านใน UDC อยู่ที่ 4 ล้านพิกเซล
- ปรับวัสดุตัวเครี่องให้แข็งแรงทนทานขึ้นโดยใช้หน้าจอกระจกแบบ Gorilla Glass Victus (กันรอยขีดข่วนดีกว่ารุ่นก่อน 4 เท่า) วัสดุเครื่องใช้เป็น Armor Aluminum (แข็งแรงกว่าเดิม 10% จากรุ่นก่อน) และได้ชื่อว่าเป็นสมาร์ทโฟนจอพับได้ที่กันน้ำได้เครื่องแรกของโลกในระดับ IPX8
- รองรับการแสดงผลบนหน้าจอ Refresh Rate 120Hz และรองรับการแสดงผลเสียง Streo Speaker และ Dolby Atmos
- ใช้หน่วยประมวลผล Snapdragon 888 (5 นาโนเมตร) RAM 12GB มี 2 ขนาดหน่วยความจำให้เลือกคือ 256GB และ 512GB
- แบตเตอรี่ขนาด 4400 mAh น้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 271 กรัม (เคลมว่าเป็นสมาร์ทโฟนจอพับได้ที่เบาที่สุดของพวกเขา)
- รองรับการทำงานคู่กับปากกา S Pen แล้ว หลังจากมีเสียงเรียกร้องมายาวนาน แต่ปากกาที่ใช้จะมีเทคโนโลยีที่ต่างจากปากกา S Pen ใน Samsung รุ่นอื่นๆ เนื่องจากถูกออกแบบมากับการใช้งานบนจอพับได้โดยเฉพาะ หัวปากกาแบบยางที่สามารถผลุบเข้า-ออกได้ (Auto Retractable) เพื่อไม่ให้ใช้แรงกดกระแทกกับหน้าจอเกินไป แต่น้ำหนักมือและการเขียนบนจอยังให้ฟีลลิงที่ดีอันเป็นเอกลักษณ์ของ Samsung S Pen เช่นเดิม
- ตัวปากกาจะแยกขาย ไม่ได้มาพร้อมกับเครื่อง (ต้องเก็บแยก ไม่มีที่เก็บในเครื่อง) มีทั้งปากกาเป็น Fold S Pen (ขนาดอาจจะเท่าตัวเครื่องมือถือ) และแบบ S Pen Pro (ขนาดอาจจะเท่าปากกาของ Tab) ที่สามารถใช้งานสั่ง Air Command Air Gesture
- ทั้งนี้ Samsung ระบุว่าเราจะไม่สามารถนำปากกา S Pen รุ่นเก่าๆ มาใช้งานกับ Galaxy Z Fold3 ได้
- รองรับการใช้งาน 5G และ Wi-Fi 6E
- มาในตัวเลือกทั้งหมด 3 สี คือ ดำ Phantom Black (สีฮีโร่), เขียว Phantom Green และเงิน Phantom Silver วัสดุตัวเครื่องเป็นแบบด้าน ป้องกันรอยนิ้วมือ
- เริ่มวางจำหน่าย 27 สิงหาคมนี้ ราคาไทยเปิดตัวอยู่ที่ 57,900 บาท (256GB) และ 61,900 บาท (512GB)
- ถือว่าเป็นราคาเปิดตัวที่ถูกลงจากสองโมเดลก่อนหน้ามากๆ แถมยังมีทางเลือกหน่วยความจำให้เลือกด้วย (Galaxy Z Fold และ Galaxy Z Fold2 เปิดตัวที่ 69,900 บาท)
ข้าม Flip2 มาเป็น ‘Z Flip3’ จอนอกใหญ่ขึ้น ใช้ประโยชน์ได้มากกว่าเดิม
- เปลี่ยนชื่อข้ามจาก Galaxy Z Flip มาเป็น Z Flip3 ไปเลย (ไม่มี Z Flip2) เพื่อให้ง่ายต่อการจำพ้องไปกับโมเดล Z Fold
- จอหลัก 6.7 นิ้ว รองรับการแสดงผล Refresh Rate 120Hz จอด้านนอกเป็น Informative Screen ปรับให้ใหญ่ขึ้นเป็น 1.9 นิ้ว (ใหญ่กว่าจอแบบเดิม Indicator ในรุ่นก่อนถึงราว 4 เท่า เพื่อให้แสดงผลข้อความต่างๆ และมีประโยชน์ในเชิงการใช้งานกว่าเดิม
- วัสดุหน้าจอตัวเครี่องใช้กระจกแบบ Gorilla Glass Victus และวัสดุเครื่องใช้เป็น Armor Aluminum เหมือนกับใน Z Fold3
- รองรับการแสดงผลเสียง Streo Speaker และ Dolby Atmos
- กล้องหน้า 10 ล้านพิกเซล กล้องหลังเลนส์คู่ 12 ล้านพิกเซล (Wide และ Ultra Wide)
- ใช้หน่วยประมวลผล Snapdragon 888 (5 นาโนเมตร) Ram 8GB มี 2 ขนาดหน่วยความจำให้เลือกคือ 128GB และ 256GB
- ยังมาพร้อมกับจุดเด่นการใช้งานในแบบ Flex Mode พับครึ่งจอเพื่อง่ายต่อการพกพา และการใช้ประโยชน์ที่รอบด้านเช่นเคย (พับจอดูคอนเทนต์วิดีโอ หรือวิดีโอคอล ไม่ต้องหาอุปกรณ์มาตั้งจอ และการใช้อัดวิดีโอคอนเทนต์แบบ Vlog ไลฟ์ต่างๆ ฯลฯ)
- กันน้ำระดับ IPX8 แบตเตอรี่ 3,300 mAh
- มี 4 สีให้เลือก คือ ครีม Beige (สีฮีโร่), ม่วง Lavender, เขียว Green และดำ Phantom Black (ผิวสัมผัสด้าน) โดยยกเว้นดำที่เป็นพื้นผิวสัมผัสแบบด้าน สีอื่นจะเป็นพื้นผิว Glossy แบบเงาหมดเลย
- รองรับการใช้งาน 5G และ Wi-Fi 6
- Galaxy Z Flip3 วางจำหน่ายในราคา 34,900 บาท (128GB) และ 36,900 บาท (256GB)
- เช่นเดียวกันกับ Galaxy Z Fold3 จุดสังเกตที่ชัดคือเป็นราคาเปิดตัวที่ถูกจากรุ่นแรก Galaxy Z Flip ที่สนนราคาจำหน่ายที่ 44,900 บาท
เช็กข้อมูลองค์ประกอบร่างกายเหมือนวัดในฟิตเนสได้แล้วบน ‘Galaxy Watch 4 Series’
- เช็กข้อมูลองค์ประกอบร่างกายเหมือนวัดในฟิตเนสได้แล้วบน ‘Galaxy Watch 4 Series’
- Galaxy Watch 4 Series มาพร้อมกับ Wear OS ซึ่งเป็นสมาร์ทวอทช์ตัวแรกของ Samsung ที่นำร่องใช้แพลตฟอร์มนี้ โดยที่ Samsung ได้พัฒนาร่วมกับพาร์ตเนอร์อย่าง Google (ประกาศความร่วมมือไปในงาน Google I/O 2021 เมื่อต้นปี) เพื่อช่วยเพิ่มความครบเครื่องในเชิงการใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ ให้รอบด้าน และ Seamless
- รองรับการใช้งานแบบ Gesture Control ที่เราสามารถควบคุมคำสั่งเบื้องต้นผ่านการขยับท่าทางต่างๆ ในแขนฝั่งที่สวมนาฬืกา (ตัวอย่างเช่น การโบกมือขึ้น-ลงเพื่อรับสายโทรเข้า) โดยที่เราสามารถตั้งค่าชุดคำสั่งได้ด้วยตัวเอง
- เพิ่มฟีเจอร์ Sleep Analysis ตรวจจับพฤติกรรมพร้อมวิเคราะห์การหายใจในระหว่างการนอน และระดับออกซิเจนในเลือด เพื่อให้สามารถทราบข้อมูลพฤติกรรมการกรนของผู้ใช้งานได้ โดยทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟน Galaxy ในการตรวจจับเสียงการกรน
- มีฟีเจอร์ Body Composition Measurement วัดข้อมูลองค์ประกอบร่างกาย มวลกล้ามเนื้อ ไขมัน ระดับน้ำ ได้โดยตรง เหมือนที่ฟิตเนสหลายแห่งใช้งานกัน (เป็นเทคโนโลยีที่ Samsung ใช้เวลาในการพัฒนามานานกว่า 8 ปี ตั้งแต่ปี 2013) ประมวลผลข้อมูลได้สูงถึง 2,400 คร้ังภายในระยะเวลา 15 วินาที เพื่อให้ทราบข้อมูลด้านกายภาพของผู้สวมใส่ได้อย่างแม่นยำ รวดเร็ว ทำงานร่วมกับ BIA Sensor และเป็นประโยชน์ต่อการออกแบบวิธีการออกกำลังกาย หรือพฤติรรมการกินอาหาร
- มี ECG แล้ว เพื่อตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และมาพร้อมกับความสามารถในการวัดระดับความดันโลหิตได้ด้วย (การใช้งานในประเทศไทยอาจจะต้องตรวจสอบข้อมูลอีกครั้ง เนื่องจากกการอนุมัติของหน่วยงานด้านอาหารและยาในแต่ละประเทศจะไม่เหมือนกัน)
- หน้าจอใช้ Super AMOLED ใช้งานได้ต่อเนื่องสูงสุดถึง 40 ชั่วโมง มีมาให้เลือก 2 โมเดล คือ Galaxy Watch 4 (อะลูมิเนียม: หน้าปัด 44 มิลลิเมตร และ 40 มิลลิเมตร) และ Galaxy Watch 4 Classic (สเตนเลส: หน้าปัด 46 มิลลิเมตร และ 40 มิลลิเมตร)
- หน่วยประมวลผล Exynos W920 Dual Core 1.18GHz (5nm Processor) และใช้ RAM 1.5GB หน่วยความจำภายใน 16GB
- Galaxy Watch4 หน้าปัดขนาด 40 มิลลิเมตร (BLT) ในสีดำและพิงค์โกลด์ วางจำหน่ายในราคา 7,990 บาท (BLT) และหน้าปัดขนาด 44 มิลลิเมตร มาในสีดำและ สีเขียว ราคา 8,990 บาท (BLT) และ 10,900 บาท (LTE)
- Galaxy Watch4 Classic วางจำหน่ายในรุ่นหน้าปัดขนาด 46 มิลลิเมตร กับตัวเลือกสีดำและ สีเงิน ในราคา 11,900 บาท (BLT) และ 13,900 บาท (LTE) ในตัวเลือกสีดำ
- เริ่มจำหน่าย 27 สิงหาคมนี้
Galaxy Buds2 หูฟังไร้สายเจนสอง เบาขึ้น ทำงานฉลาดกว่าเดิม
- เคลมว่าเป็นหูฟังไร้สายที่เล็กและมีน้ำหนักเบาที่สุดเท่าที่ Samsung เคยเปิดตัวมา (เบาลง 5 กรัมจาก Galaxy Buds ตัวก่อน)
- มีลำโพงไดนามิกระบบ 2 ทิศทาง ให้คุณภาพเสียงคมชัด เบสนุ่มลึก และเสียงสูงที่ชัดเจน
- รองรับระบบตัดเสียงรบกวนภายนอก Active Noise Cancelling ที่ตัดเสียงรบกวนภายนอกได้สูงสุดถึง 98% แต่ถ้ายังอยากได้ยินเสียงบรรยากาศรอบตัวเวลาเดินบนท้องถนน หรือนั่งรถไฟฟ้า ใช้บริการขนส่งสาธารณะ ก็สามารถเลือกปรับ Ambient Sound ได้ถึง 3 ระดับเพื่อความปลอดภัย
- มีฟีเจอร์ใหม่ ‘Earbud Fit Test’ ในแอปพลิเคชัน Galaxy Wearable เพื่อทดสอบการสวมใส่ให้พอดีกับลักษณะรูหูของผู้ใช้งานแต่ละคน
- การใช้งานคร่าวๆ จะได้ที่ 5 ชั่วโมง เมื่อมี Charging Case จะได้สูงสุด 20 ชั่วโมง
- ใช้งานได้ฉลาดขึ้นกว่าเดิม เพราะเป็น Auto Switch ที่สามารถสลับการใช้งานไปมาร่วมกับแท็บเล็ตและแล็บท็อปของ Samsung เพื่อช่วยให้การทำงานระหว่างอุปกรณ์ใน Samsung Ecosystem ลื่นไหลและ Seamless มากขึ้น
- วางจำหน่ายในราคา 3,990 บาท มีให้เลือก 3 สี คือ แกรไฟต์, เขียว Olive และม่วงลาเวนเดอร์
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล