นี่คือหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่ได้รับความสนใจและกลายเป็นกระแสพูดถึงมากที่สุดในช่วงครึ่งหลังของปีนี้อย่างไม่ต้องสงสัย สำหรับ Samsung Galaxy Note10 แฟล็กชิปในตระกูลโน้ตเจนล่าสุด ส่งตรงจากค่ายซัมซุง
เพราะด้วยงานเปิดตัวที่ยิ่งใหญ่อลังการสมการรอคอย ความสวยงามของดีไซน์ตัวเครื่องจริงที่เปิดตัวออกมา รวมถึงฟีเจอร์และสรรพคุณต่างๆ โดยเฉพาะ ‘เจ้าปากกาไม้กายสิทธิ์’ ที่ทางซัมซุงได้โปรโมตเอาไว้ก็ชวนให้ใครหลายคนอยากสัมผัสเจ้า Note10 ไม่มากก็น้อย
สำหรับตัวเครื่อง Note10 ที่ทาง THE STANDARD ได้มาทดลองใช้งานเป็นโมเดล Galaxy Note10+ RAM 12GB ความจุตัวเครื่อง 256GB สี Aura Glow (สนนราคาจำหน่ายตามหน้าเว็บไซต์ซัมซุง ประเทศไทยอยู่ที่ราว 37,900 บาท) โดยข้อมูลสเปกอื่นๆ ทั่วไปมีดังนี้
- จอ Dynamic AMOLED Infinity-O Display ขนาด 6.8 นิ้ว Quad HD+ (ความละเอียด 3040×1440 พิกเซล (498ppi)) รองรับมาตรฐานการแสดงผล HDR10+
- ขนาดตัวเครื่อง 77.2×162.3×7.9 มม., หนัก 198 กรัม
- กล้องหลัง 4 ตัว (เลนส์ Ultra Wide 16MP, เลนส์ Wide-Angle 12MP, เลนส์ Telephoto 12MP และ DepthVision Camera (VGA)) กล้องหน้า 10MP
- แรม 12GB ความจุที่ 256GB (มีความจุภายในตัวเครื่องให้เลือก 2 ขนาด คือ 256GB และ 512GB)
- รองรับนาโนซิมการ์ดสูงสุดที่ 2 สล็อต, รองรับหน่วยความจำภายนอก Micro SD Card สูงสุด 1TB (1 ซิมการ์ด+Micro SD Card หรือ 2 ซิม เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง)
- แบตเตอรี่ความจุ 4,300 mAh
อุปกรณ์ที่ให้มาในกล่อง (Galaxy Note10+, ปากกา S Pen, สายชาร์จ USB Type-C พร้อมหัวเปลี่ยนเชื่อม USB, เข็มจิ้มถาดใส่ซิม, ชุดเปลี่ยนหัวปากกา S Pen, หูฟัง Type-C ของ AKG พร้อมจุกซิลิโคนเปลี่ยนขนาดอีก 2 คู่, (ในกล่องเครื่องที่เราได้มาไม่มีเคสใส))
ซึ่งจากการทดลองใช้งานจริงเป็นระยะเวลากว่า 2 สัปดาห์ นี่คือความรู้สึกที่ได้จากการสัมผัส Note10+ ในมุมที่ THE STANDARD พบเจอและอยากนำมาบอกต่อ
ดีไซน์ตัวเครื่องสวยมาก จอ 6.8 นิ้วคือความดีงาม แต่กล้องหน้า Infinity-O ยังแอบรบกวนสายตาอยู่บ้าง
แต่ไหนแต่ไร ดีไซน์ตัวเครื่องของซัมซุงโดยเฉพาะพวกสมาร์ทโฟนตระกูลเรือธงทั้ง S Model และ Note Model นั้นขึ้นชื่อว่าออกแบบมาได้สวยงามลงตัวมากๆ อยู่แล้ว พอมาเจอ Note10+ เข้าไป ก็ต้องยอมรับว่าซัมซุงยังคงรักษามาตรฐานเดิมของตัวเองเอาไว้ได้ดีอยู่ รวมถึงการนำดีไซน์แบบสมมาตรเข้ามาปรับใช้กับการวางเลย์เอาต์กล้องหน้าแบบ Infinity-O ให้อยู่กึ่งกลางตัวเครื่อง จากเดิมที่ใน Galaxy S10 กล้องหน้าจะอยู่บริเวณมุมขวาบนที่ก็ดูดีไม่แพ้กัน โดยเราจะพูดถึงอีกครั้งในลำดับถัดไป
ตัวเครื่อง Note10+ โมเดลที่วางจำหน่ายในไทยมีให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 3 สี คือ Aura Black, Aura White และ Aura Glow ซึ่งเป็นสีที่เราได้มาลอง และเป็นเฉดสีที่แปลกมากๆ ยากจะหาคำมาจำกัดความได้แบบตรงๆ ว่ามันคือสีอะไรกันแน่ เพราะเมื่อตัวเครื่องถูกแสงตกกระทบ เฉดสีของมันก็จะสะท้อนสีสันที่แตกต่างกันออกไป แต่ก็นับว่าสวยไม่เบา
ตัวเครื่องสี Aura Glow ที่สะท้อนแสงและเปลี่ยนสีไปตามแสงเงาที่ตกกระทบบนตัวเครื่อง
สำหรับหน้าจอ Dynamic AMOLED ขนาด 6.8 นิ้ว Quad HD+ ถือเป็นไซส์หน้าจอที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่ซัมซุงเคยทำมา แสดงผลได้สูงถึง 16 ล้านสี เมื่อทดลองใช้งานจริง ผู้เขียนพบว่าเป็นขนาดที่ไม่ได้ใหญ่จนเกินไป อาจเพราะความคุ้นชินที่ปกติแล้วเราใช้ iPhone Xs Max ในชีวิตประจำวันด้วย (ขนาดหน้าจอ 6.5 นิ้ว) แต่สำหรับคนที่ถนัดใช้งานมือถือด้วยมือข้างเดียว รวมถึงสาวๆ ที่อาจจะมีขนาดมือเล็ก และผู้ใช้งานที่ไม่คุ้นเคยกับสมาร์ทโฟนจอใหญ่มาก่อนอาจจะต้องปรับตัวกันเล็กน้อย
จอ Dynamic AMOLED ของ Note10+ แสดงผลสีสันได้สวยงาม ชัดเต็มตาเต็มอารมณ์สุดๆ ไม่ว่าจะดูคอนเทนต์จาก Netflix หรือ YouTube ก็ทำได้ดีเยี่ยม แต่ขอติรูกล้องหน้า Infinity-O ที่ซัมซุงย้ายมาไว้ตรงกลางเล็กน้อย เพราะในแง่ดีไซน์ถึงจะดูลงตัว
แต่ในเชิงการใช้งานจริง อาจเป็นเพราะว่าเราได้จับมันแค่ 2 สัปดาห์ด้วย ก็เลยรู้สึกว่า ‘มีบางครั้ง’ ที่เจ้ากล้องหน้าของ Note10+ ยังแอบรบกวนสายตาอยู่บ้างขณะใช้งานจริง ซึ่งถ้าได้ลองใช้งานนานขึ้นกว่านี้อีกสักหน่อยก็น่าจะสามารถปรับตัวเข้ากับมันได้ไม่ยาก (เหมือนที่เราและใครหลายคนเคยปรับตัวเข้าหารอยบาก Notch Display มาแล้ว ส่วนใครที่ไม่ชอบรูกล้องหน้าแบบ Hole Punch ก็สามารถตั้งค่าซ่อนแถบกล้องหน้าใน Settings ได้เช่นกัน)
ดีไซน์จอไร้ขอบแบบ Edge-to-Edge โดยส่วนตัวรู้สึกว่าอาจจะไม่ได้ชอบดีไซน์จอแบบนี้สักเท่าไรเนื่องจากข้อจำกัดในการดูแลรักษา โดยเฉพาะการหาฟิลม์ป้องกันจอที่สามารถ Cover ได้หมดทุกส่วนสัดของตัวจอ แต่ข้อดีของมันคือเมื่อจอใหญ่ขึ้น กว้างขึ้นแบบไร้ขอบ การแสดงผลก็สามารถทำได้เต็มมากขึ้น โดยเฉพาะเวลาที่ขยายคอนเทนต์วิดีโอ Netflix หรือ YouTube ที่ตกขอบน้อยลงเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นๆ ที่มี Hole Punch หรือ Notch Display
การเขียนในโหมด Screen off memo มีสีให้เลือกใช้มากถึง 5 สี
ปากกาอัจฉริยะ S Pen น่าประทับใจและใช้งานได้ดีมากๆ
ปากกา S Pen ยังคงเป็นซิกเนเจอร์หรือลายเซ็นคู่ใจที่อยู่คู่กับสมาร์ทโฟนตระกูล Note ของซัมซุงเสมอมา โดยความเปลี่ยนแปลงที่ซัมซุงได้พัฒนาให้กับ S Pen ใน Galaxy Note10 คือการเพิ่มความสามารถในการใช้งานให้หลากหลายขึ้น
เริ่มตั้งแต่การเขียนแบบรีบระหว่างที่หน้าจอปิดหรือ Screen off memo ที่ตอบโจทย์การใช้งานจริงในสายงานของเรามาก เพราะแค่ถอดปากกาออกมาก็เริ่มเขียนหรือจดบันทึกข้อความต่างๆ ได้ทันที โดยใน Note10 ได้เพิ่มสีหมึกเข้ามาให้เลือกใช้งานมากถึง 5 สี ได้แก่ คือ แดง, เขียว, น้ำเงิน, ขาว และเหลือง
โหมด Handwritting to Text เปลี่ยนลายมือเป็นข้อความตัวอักษร
เช่นเดียวกับฟีเจอร์ ‘Handwritting to Text’ ที่สามารถเปลี่ยนลายมือหรือข้อความที่เราจดบันทึกด้วยปากกาให้กลายเป็นตัวอักษรเพื่อนำไปวางในไฟล์เอกสารต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยเทคโนโลยี Deep Learning ที่ซัมซุงได้พัฒนาขึ้นมา ซึ่งให้ความแม่นยำในระดับที่น่าพอใจ
ผลงานศิลปะจากทีมงาน THE STANDARD ด้วยปลายปากกา S Pen
(2 ภาพขวาคือภาพระบายสีด้วย S Pen ในแอปฯ Penup)
ขณะที่ฟีเจอร์แปลง S Pen เป็นไม้กายสิทธิ์ ‘Air Actions’ ด้วยเซนเซอร์ Gyro แบบ 6 ทิศทางที่ฝังอยู่ในตัวปากกาก็เข้ามาช่วยสร้างสีสันในการใช้งาน Note10+ ได้ดี ที่ใช้บ่อยที่สุดคือการเปลี่ยนโหมดไปมาเพื่อถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ ใช้เป็นอุปกรณ์กดชัตเตอร์ หรือใช้ดูภาพถ่ายใน Gallery เพียงแต่จุดสังเกตคือการใช้งานจริงในด้านอื่นๆ หรือโหมดอื่นๆ อาจจะยังน้อยไปหน่อย แต่ในอนาคตทางซัมซุงหรือผู้พัฒนาแอปฯ ก็น่าจะสามารถพัฒนาฟีเจอร์ให้รองรับการทำงานของ Air Actions ให้หลากหลายได้ไม่ยาก
กล้องถ่ายรูปและวิดีโอ นิยามสั้นๆ คือ ‘เหนือความคาดหมาย’
คงเป็นเพราะเรือธงตระกูลโน้ตขึ้นชื่อลือชาเรื่องปากกา S Pen และความสามารถในการจดขีดเขียนบนหน้าจอ เราจึงไม่ได้คาดหวังคุณภาพของตัวกล้องสักเท่าไร แต่เอาเข้าจริงพอได้ลองใช้งาน Note10+ แล้วก็พบว่าผิดคาด ไม่สิ ต้องบอกว่าเหนือความคาดหมายมากกว่า
(เรียงจากซ้ายไปขวาและบนลงล่าง) ภาพถ่ายมุมกว้างเลนส์ Ultra Wide, ภาพถ่ายระยะปกติ, ภาพถ่ายซูม 2 เท่า และภาพถ่ายซูม 10 เท่า
กล้องหลังของ Note10+ เป็นกล้องหลัง 4 ตัว ประกอบด้วย เลนส์ Ultra Wide, เลนส์ Wide-Angle, เลนส์ Telephoto และ DepthVision Camera (VGA) ซึ่งต่างจาก Note10 ที่ใช้กล้องหลัง 3 ตัว ซึ่งคุณสมบัติที่เราประทับใจมากๆ คือเลนส์มุมกว้างที่ช่วยให้กล้องของ Note10+ สามารถเก็บภาพได้กว้างแบบสะใจจริงๆ เหมาะกับการถ่ายภาพในสถานที่ที่มีวิวทิวทัศน์และทัศนียภาพกว้างขวาง ส่วนซูม 10 เท่าแม้จะยังวัดกับซูมดิจิทัลของสมาร์ทโฟนแบรนด์จีนไม่ได้ แต่ก็อยู่ในระดับที่ตอบโจทย์การใช้งานจริง (ไม่เกินความจำเป็นและยังเก็บรายละเอียดคุณภาพของภาพได้ครบถ้วน)
ส่วน Scene Optimizer ที่ใช้ AI ช่วยในการประมวลผลสภาพแวดล้อมที่ปรากฏในกล้องหลังเพื่อให้เลือกโหมดการถ่ายรูปที่เหมาะสมกับแต่ละสถานการณ์ได้ ตรงนี้ถือว่า AI กล้องถ่ายรูปของซัมซุงสามารถทำงานได้ดี ฉลาดและให้ความแม่นยำพอสมควร เช่นเดียวกับการถ่ายภาพในเวลากลางคืนที่เก็บรายละเอียดต่างๆ ของวัตถุได้ครบถ้วน
อีกจุดที่จะลืมพูดถึงไม่ได้เลยคือการถ่ายวิดีโอ (ยังไม่ขอพูดถึง Live Focus เพราะลองใช้งานแล้วพบว่าทำได้ดี แต่ยังไม่เห็นการนำมาใช้ประโยชน์จริงๆ สักเท่าไร) โดยฟีเจอร์ Super Steady ที่พัฒนามาตั้งแต่ใน S10 ยังเป็นหนึ่งจากหลายๆ ส่วนที่ผู้เขียนเทใจให้ Note10+ เพราะพบว่าพอนำไปใช้งานจริงมันสะดวกมากๆ
โดยเฉพาะการใช้งานเพื่อถ่ายคอนเทนต์วิดีโอที่ตอนแรกเราตั้งใจนำขาตั้งกะทัดรัดแบบ Mini Tripod ไปด้วยเพราะหวังว่าจะใช้งาน (มั่นใจใน Note10+ ระดับหนึ่งจึงไม่เอา Gimbal) แต่ปรากฏว่าพอมีความจำเป็นจะต้องรีบถ่ายคอนเทนต์จริงๆ การล้วงหยิบ Tripod ขึ้นมาติดตั้งเข้ากับมือถือกลับทำได้ยากกว่า และไม่สะดวกเอามากๆ เดชะบุญที่ Note10+ ช่วยให้เรากลายเป็นคนมือนิ่งไปโดยปริยาย
https://www.youtube.com/watch?v=btXCnT0zoN8&feature=youtu.be
คอนเทนต์วิดีโอที่ถ่ายทำด้วยกล้อง Note10+
สรุป
ในมุมของผู้เขียน เรามองว่า Galaxy Note10+ ถือเป็นสมาร์ทโฟนเรือธงที่มีคุณสมบัติครบเครื่องรอบด้านมากๆ อาจจะไม่ได้หวือหวาแบบยกระดับในเชิงนวัตกรรมเป็นการพลิกโฉมในอุตสาหกรรมครั้งใหญ่ แต่ก็ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในด้านการทำงาน หรือการใช้เพื่อประโยชน์เชิงไลฟ์สไตล์
เพียงแต่ข้อสังเกตของเราที่มีต่อ Note10+ คือแอบรู้สึกว่า ราคาจำหน่าย 37,900 บาท อาจจะเป็นราคาที่สูงเอาเรื่อง (กรณีนี้ถ้าซื้อพร้อมโปรของค่ายโอเปอเรเตอร์ก็จะได้ราคาที่เป็นมิตรกับบัญชีธนาคารมากขึ้น) บวกกับเสียดายที่ซัมซุงตัดสินใจเอาช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. ออกแล้วเปลี่ยนมาเป็นช่อง USB Type-C แทน
สำหรับเราหรือคนอื่นๆ ที่อาจจะเป็นแฟน Note เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หากมีความจำเป็นและยืนอยู่ในจุดที่ต้องการเปลี่ยน (อัปเกรด) สมาร์ทโฟนเครื่องใหม่จริงๆ ก็คงจะเลือกซื้อทันทีโดยไม่ลังเล ยกเว้นว่าถ้ายังเลือกไม่ได้หรือตัดสินใจไม่ถูก เราเชียร์ให้ลองไปจับหรือลองใช้งานเครื่องจริงที่แบรนด์ช็อปดูก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ
หรือจะรออีกสักพักก็ได้ เพราะเดี๋ยวสัปดาห์หน้า (10 ก.ย.) ค่ายคู่แข่งก็จะเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่แล้ว ถึงเวลานั้นค่อยมานั่งทบทวนอีกทีก็ได้ว่า Galaxy Note10 ยังเป็นตัวเลือกเบอร์หนึ่งในใจของคุณหรือเปล่า
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์