ไม่ใช่แค่โควิด-19 อีกแล้วที่ทำให้เราต้องมานั่งวิตกกังวลกับปัญหาด้านสุขภาพ เพราะตอนนี้ ‘ฝุ่นพิษ PM2.5’ ก็ได้ฤกษ์กลับมาทวีคูณความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น สังเกตได้ชัดจากสภาพสีท้องฟ้าที่เปลี่ยนแปลงไปราวกับมีมวลหมอกฝุ่นขนาดยักษ์ลอยคละคลุ้งปกคลุมเหนือศีรษะของเราอยู่ตลอดเวลา
นั่นจึงทำให้สินค้าอย่าง ‘เครื่องฟอกอากาศ’ กลายเป็นอีกหนึ่งไอเท็มยอดฮิตที่ใครหลายคนตัดสินใจเลือกซื้อติดบ้านไว้ในช่วงปีสองปีที่ผ่านมา เพื่อ ‘ซื้ออากาศที่บริสุทธิ์’ ให้กับตัวเองและคนที่เรารัก
สำหรับ THE STANDARD เรามีโอกาสได้ลองใช้งานเครื่องฟอกอากาศดีไซน์หรูล้ำจาก Samsung อย่าง Samsung Cube AX9500 และในบทความนี้เราจะมาเล่าให้ฟังว่าเจ้าเครื่องฟอกอากาศทรงลูกบาศก์นี้มีความเจ๋งและน่าใช้งานอย่างไร ตอบโจทย์ในช่วงที่ฝุ่น PM2.5 เริ่มสร้างปัญหาให้กับเราได้มากน้อยแค่ไหน
ดีไซน์สุดปังกับความสามารถการกรองฝุ่นระดับ PM0.3
Cube AX9500 เป็นเครื่องฟอกอากาศระดับไฮเอนด์จากค่าย Samsung มาพร้อมกับการออกแบบในดีไซน์ ‘ลูกบาศก์’ (ตามชื่อโมเดล) ตัวเครื่องใช้วัสดุโลหะแบบพรีเมียมสีเงิน Metal Silver ขนาด 367 x 436 x 380 มิลลิเมตร มีน้ำหนักโดยรวมที่ราว 12.2 กิโลกรัม ครอบคลุมพื้นที่การทำงานที่ 47 ตารางเมตร
แผ่นกรอง HEPA
การทำงานโดยทั่วไป Cube สามารถตรวจจับดักละอองฝุ่นที่มีขนาดเล็กกว่า 0.3 ไมครอนที่ปนเปื้อนลอยคละคลุ้งในอากาศได้ กระจายลมใน 3 ทิศทาง ทำงานคู่กับแผ่นกรอง HEPA ที่ Samsung เคลมว่าสามารถกรองฝุ่นขนาดเล็กได้ตั้งแต่ PM10, PM2.5, PM1.0 ไปจนถึง PM0.3 ได้ละเอียดระดับ 99.9% (แผ่น HEPA สามารถซื้อเปลี่ยนได้เมื่อใช้งานจนถึงระยะหนึ่ง ซึ่งเจ้า Cube จะแจ้งเตือนผู้ใช้งานเมื่อถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแผ่น)
Cube ยังมาพร้อมกับเลเซอร์ตรวจจับฝุ่น PM (Laser PM Sensor) ที่ช่วยให้แสดงผลคุณภาพอากาศได้แบบแม่นยำและเรียลไทม์ บนตัวเครื่อง (บริเวณด้านมุมบนฝั่งขวาของตัวเครื่อง) ให้ข้อมูลรายละเอียดของระดับค่ามลพิษขนาด PM1.0, 2.5, 10 และแถบสี 4 สี (แดง, เหลือง, เขียว และฟ้า) เพื่อให้เราสังเกตเห็นได้แบบชัดๆ ไปเลยว่าคุณภาพอากาศในพื้นที่โดยรอบ ณ เวลานั้นๆ ดีหรือแย่อย่างไร
นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี Wind-FreeTM ที่จะช่วยให้ตัวเครื่องกระจายอากาศบริสุทธิ์ผ่านรูขนาดเล็กกว่า 60,000 ช่องที่บริเวณหน้ากากด้านหน้าของตัวเครื่อง Cube และจะปล่อยลมออกมาในลักษณะการกระจายตัวในวงกว้าง ไม่ปะทะตัวผู้ที่อยู่ในห้องหรือ ณ จุดนั้นๆ โดยตรงเพื่อความสะบายตัว และยังให้เสียงที่เงียบระหว่างการทำงานอีกด้วย (โหมด Wind-Free ระดับเสียงอยู่ที่ 24 เดซิเบล)
ที่พิเศษคือ Cube สามารถควบคุมการทำงานแบบอัจฉริยะ SmartHome ได้ผ่านแอปพลิเคชัน SmartThings บนสมาร์ทโฟน เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเช็กสถานะการทำงานตรวจจับฝุ่นได้ทันทีบนมือถือ ละเอียดถึงขั้นที่แจกแจงสถานะค่าฝุ่นต่างๆ ได้ด้วย (ตรวจสอบสถานะของแผ่นกรองได้อีกต่างหาก) และยังสามารถปรับโหมดการใช้งาน ตั้งค่าเปิด-ปิด ตัวเครื่องไว้ล่วงหน้า เพื่อให้ฟอกอากาศสะอาดๆ ไว้รอก่อนเดินทางกลับถึงบ้านได้แบบสะดวกสุดๆ
ความเก๋อยู่ที่ฟีเจอร์ต่อเครื่อง ‘2 ชั้น’ ช่วยฟอกอากาศ กรองฝุ่นดีขึ้น ‘2 เท่า’
จุดขายของ Cube นอกเหนือจากความสามารถในการดักจับฝุ่นที่ละเอียดระดับ PM0.3 พร้อมการแสดงผลที่แม่นยำและเรียลไทม์ รวมถึงการทำงานผ่านระบบอัจฉริยะแล้ว อยู่ที่ดีไซน์ตัวเครื่องแบบ ‘โมดูล’ ที่เราสามารถนำเครื่อง Cube สูงสุด 2 เครื่อง มาวางต่อซ้อนกัน เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานฟอกอากาศให้รวดเร็วขึ้นและครอบคลุมพื้นที่ที่กว้างขึ้นได้
ซึ่งในเชิงการใช้งานเรามองว่า การออกแบบในลักษณะนี้ของ Samsung เป็นแนวคิดที่ฉลาดมากๆ เพราะช่วยให้ประหยัดพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านหรือห้องชุดคอนโดได้ดี โดยไม่จำเป็นต้องไปตั้งเครื่องทำงานฟอกอากาศกระจายกันตามมุมห้อง แต่สามารถใช้วิธีการต่อเครื่องซ้อนขึ้นไปในแนวตั้งเลย
และเมื่อต่อเครื่องซ้อนกันขึ้นไปอีกชั้นแล้ว Cube จะทำงานได้ดีกว่าเดิม 2 เท่า โดยจะฟอกอากาศได้สะอาดครอบคลุมพื้นที่สูงสุด 94 ตารางเมตร ส่วนหน้าจอดิสเพลย์จะแสดงผลที่เครื่องด้านบนสุดเพียงเครื่องเดียวเมื่อต่อซ้อนกัน
แต่ถึงอย่างนั้นจุดสังเกตของเราคือการที่ Cube เป็นเครื่องฟอกอากาศโมเดลไฮเอนด์ของ Samsung มันจึงมีราคาจำหน่ายที่สูงเอาเรื่องเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับเครื่องฟอกอากาศแบรนด์อื่นๆ ที่อาจจะมีราคาจำหน่ายไม่เกินหลักหมื่น (ราคาจำหน่ายบนเว็บไซต์ Samsung อยู่ที่ 28,900 บาท: ต้องลองเปรียบเทียบกับราคาจำหน่ายบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอื่นๆ ซึ่งอาจจะถูกกว่า)
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคุณมีพื้นที่ใช้สอยภายในห้องหรือบ้านที่ต้องอาศัยการฟอกอากาศครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 47 ตารางเมตร นั่นหมายความว่าเราจะต้องซื้อ Cube รวม 2 เครื่อง ด้วยจำนวนเงินที่อาจจะสูงเหยียบๆ ครึ่งแสนเลยทีเดียว
โดยสรุปจากการที่มีโอกาสได้ทดลองใช้งาน Cube เรามองว่ามันเป็นเครื่องฟอกอากาศที่มีความดีงามรอบด้านมากๆ ทั้งในเชิงการฟอกอากาศ การแสดงผล ความสามารถในการสั่งการผ่านแอปฯ ความสวยงามหรูหราของตัวเครื่องตามท้องเรื่องเมื่อนำไปตั้งรวมอยู่กับเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ ภายในบ้าน จะมีติดเพียงอย่างเดียวก็คือราคาขายนั่นแหละ
เพราะฉะนั้นหากคุณไม่ได้ซีเรียสเรื่องงบประมาณแต่อย่างใด และกำลังมองหาเครื่องฟอกอากาศคุณภาพครบครันสักเครื่องไว้ใช้งานในช่วงที่ PM2.5 กลับมาพ่นพิษระบาดหนักแบบนี้ Cube ก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจแน่นอน
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล