เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี พระราชทานสัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนไทยในงาน World Travel Market (WTM) 2025 ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ทรงฉายภาพอนาคตการท่องเที่ยวไทยที่ต้องมุ่งสู่ความยั่งยืน และทรงเน้นย้ำว่า “ประเทศไทยมีเสน่ห์อยู่แล้ว ทั้งธรรมชาติ วัดวาอาราม ศิลปวัฒนธรรม แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือการสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยว”
‘Safe-Sure-Secure’ สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว
ทูลกระหม่อมหญิงฯ ทรงย้ำถึงความสำคัญสูงสุดของ ‘ความเชื่อมั่นและความปลอดภัย’ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะโลกปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความยุ่งยาก
“ประเทศไทยมีความหลากหลายและมีเสน่ห์โดยธรรมชาติอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นความสวยงามของธรรมชาติ วัดวาอาราม ศิลปะ และวัฒนธรรม แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว” ทูลกระหม่อมฯ ทรงเน้นย้ำ
มาตรการที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนคือการสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวรู้สึกว่ามาแล้วจะปลอดภัย ไม่ตาย ไม่ถูกจับ หรือไม่ถูกหลอก ซึ่งรวมถึงการลงทุนในระบบรักษาความปลอดภัยที่ดี และการติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) ในทุกสถานที่ที่ทำได้
นอกจากมาตรการทางเทคนิคแล้ว ทูลกระหม่อมฯ ยังทรงชี้ว่า ‘น้ำใจของคนไทย’ คือ Soft Power ที่แข็งแกร่งที่สุด
“คนไทยมีเสน่ห์และมีน้ำใจอยู่แล้ว และเป็นเจ้าบ้านที่ดี เสน่ห์ของ ‘ยิ้มสยาม’ ยังคงไม่ล้าสมัย การดูแลนักท่องเที่ยวให้ดีและมอบความปลอดภัย จะช่วยให้มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น และทำให้การท่องเที่ยวประสบความสำเร็จมากขึ้นในปัจจุบันและอนาคต”
โดยเฉพาะบทบาทของตำรวจท่องเที่ยวที่ทรงเน้นย้ำว่าเป็นส่วนสำคัญอย่างมากในการดูแลและสร้างความอุ่นใจให้กับผู้มาเยือน
Health & Wellness Destination: ไทยคือ ‘ฮับ’ สุขภาพที่เหนือกว่า
สำหรับเทรนด์โลกที่นักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ทูลกระหม่อมฯ ทรงมองเห็นศักยภาพอันโดดเด่นของประเทศไทยในการเป็นจุดหมายปลายทางด้านสุขภาพและความงาม (Health & Wellness Destination) ที่ครอบคลุม ทั้งกายและใจ
ทูลกระหม่อมฯ ทรงยกตัวอย่างความเข้มแข็งที่มาจากรากฐานของภูมิปัญญา เช่น แพทย์แผนไทย ยาไทย และ อาหารไทย ที่เป็นอาหารเพื่อสุขภาพซึ่งอุดมไปด้วยสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ทั้งยังรวมถึงผลิตภัณฑ์และบริการจากภูมิปัญญาชาวบ้านอย่างการนวดแผนไทย และ ลูกประคบ ที่สามารถสร้างอาชีพให้กับคนไทยได้
อีกหนึ่งจุดแข็งที่ทรงเน้นย้ำคือ การรักษาพยาบาล เพราะโรงพยาบาลและวิทยาการทางการแพทย์ของไทยไม่แพ้ประเทศใหญ่ๆ อย่างอเมริกาหรืออังกฤษ และอยู่ในอันดับต้นๆ ของโลก ทำให้ไทยเป็นที่นิยมอย่างสูงสำหรับบริการทางการแพทย์, การเสริมสวย และการแปลงเพศ
ขณะเดียวกัน ทูลกระหม่อมฯ ทรงชี้ให้เห็นถึงมิติทางเศรษฐกิจว่า นักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการทางการแพทย์มักจะพาญาติมาด้วย ซึ่งญาติเหล่านี้มักเป็นนักท่องเที่ยวชั้นดีและร่ำรวย การผลักดันไทยเป็นศูนย์กลาง Health and Wellness Destination จึงเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศ
นอกจากนี้ ยังทรงยกตัวอย่างสถานที่ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่น่าสนใจ เช่น บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน และบ่อน้ำแร่ของจังหวัดระนอง โดยทรงเปรียบเทียบว่า ‘บ่อน้ำร้อนของไทยไม่แพ้ญี่ปุ่น โดยมีข้อดีคืออากาศอุ่นกว่า’
‘พระพันปีหลวง’ ทรงเป็นผู้นำทางวัฒนธรรม ผู้ฟื้นฟูมรดกชาติ
ทูลกระหม่อมหญิงฯ ได้ทรงให้ความสำคัญกับบทบาทของสมเด็จพระพันปีหลวงในการเป็นผู้นำทางด้านการส่งเสริมวัฒนธรรม และเผยแพร่เสน่ห์ไทยให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ซึ่งถือเป็นรากฐานของ Soft Power ไทยที่หยั่งรากลึก
ทูลกระหม่อมฯ ทรงชี้ว่า สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงตระหนักถึงความสามารถของชาวบ้านในการทอผ้าและหัตถกรรมที่เกือบจะสูญหายไปแล้ว และทรงฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมเหล่านี้ขึ้นมาใหม่ เช่น ผ้าไหม, ถมทอง, และงานจักสาน การสนับสนุนของพระองค์ช่วยสร้างอาชีพให้กับชาวบ้านอย่างยั่งยืน และทำให้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้กลายเป็นสินค้าที่ได้ส่งออกในปัจจุบัน อีกทั้งยังมีการอนุรักษ์โขน และผลักดันให้สู่มรดกโลก
“โขนเป็นศิลปะชั้นสูงที่จัดยากและค่าใช้จ่ายสูง ทำให้การแสดงลดลง แต่สมเด็จพระพันปีหลวงทรงสนับสนุนโขนอย่างยิ่ง โดยจัดเป็นโขนพระราชทาน มีการพัฒนาชุดโขน และพัฒนาการแต่งหน้าโขนให้มีลักษณะเฉพาะ”
ความพยายามของพระองค์ทำให้โขนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO ในปี พ.ศ. 2560 ซึ่งทูลกระหม่อมฯ ทรงแสดงความยินดีที่ปัจจุบัน ‘เด็กไทยหลายคนอยากมาเต้นโขน’ ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงเสน่ห์ของความเป็นไทยที่ได้รับการสืบสานอย่างต่อเนื่อง
‘เสน่ห์ไทย’ เข้ากับความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
ทูลกระหม่อมหญิงฯ ทรงเน้นย้ำถึงแนวทางที่ประเทศไทยต้องเดินหน้าอย่างบูรณาการ โดยใช้เสน่ห์และความหลากหลายที่มีอยู่แล้วมาต่อยอดด้วยการ สร้างความปลอดภัย ให้เป็นมาตรฐานโลก, ยกระดับ Health & Wellness ให้เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจมูลค่าสูง, และ สืบสานมรดกทางวัฒนธรรม ที่จะสร้างอัตลักษณ์อันแข็งแกร่งและโอกาสทางอาชีพให้กับคนไทยทุกคน


