วานนี้ (5 พฤศจิกายน) ที่กรุงไคโร สาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เข้าร่วมประชุม World Urban Forum ครั้งที่ 12 ระหว่างวันที่ 4-7 พฤศจิกายน 2567 พร้อมกล่าวแถลงการณ์ประเทศไทยในการประชุมโต๊ะกลมระดับรัฐมนตรี (Ministerial Roundtable) ในหัวข้อ ‘เมืองและที่อยู่อาศัย’
ซาบีดากล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่มีโอกาสเป็นตัวแทนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (อนุทิน ชาญวีรกูล) เข้าร่วม World Urban Forum ครั้งที่ 12 ภายใต้หัวข้อ ‘It All Starts at Home: Local Actions for Sustainable Cities and Communities’ วันนี้มีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาแบ่งปันความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการพัฒนาเมืองและชนบทอย่างยั่งยืน โดยยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ซึ่งสนับสนุนการเติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืนในทุกพื้นที่ของประเทศไทย
ไม่ว่าจะเป็นในเมือง เมืองกึ่งชนบท หรือชนบท ความสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนข้อที่ 11 เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน และวาระใหม่แห่งการพัฒนาเมือง (NUA) เราตระหนักถึงความสำคัญของการแก้ปัญหาที่มุ่งเน้นชุมชน เพื่อรับมือกับความท้าทายต่างๆ เช่น การขยายตัวของเมืองอย่างรวดเร็ว, การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, การจัดหาที่อยู่อาศัยในราคาที่เข้าถึงได้สำหรับทุกคน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง รวมถึงการเข้าถึงบริการที่จำเป็นอย่างเท่าเทียม
ซาบีดากล่าวต่อว่า ประเทศไทยได้ริเริ่มโครงการเฉพาะด้านโดยยึดมั่นในความรับผิดชอบ เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ปัจจุบันประเทศไทยกำลังดำเนินการวางแผนผังเมืองอย่างครอบคลุมในทุกระดับ มีกติกา ข้อบังคับ และกฎระเบียบ ที่มีประสิทธิภาพและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน
ทั้งนี้ กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย มีโครงการที่กำลังดำเนินงานในระดับพื้นที่ร่วมกับองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) ซึ่งบูรณาการร่วมกันหลายหน่วยงานในประเทศไทย ร่วมกันขับเคลื่อนโครงการพัฒนาเมืองแบบองค์รวม เพื่อส่งเสริมการเติบโตแบบคาร์บอนต่ำและการเป็นเมืองที่ฟื้นตัวได้ในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ขอนแก่น และภูเก็ต
เชียงใหม่ขับเคลื่อนการพัฒนาระบบนิเวศเมืองและพื้นที่สีเขียว เพื่อการบรรเทาปัญหาฝุ่นละออง PM2.5
ขอนแก่นขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองคาร์บอนต่ำ การใช้พลังงานสะอาด การใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมในเมือง รวมถึงการพัฒนาเมืองและชุมชนเมืองควบคู่ไปกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง เน้นการปรับปรุงพัฒนาพื้นที่รอบสถานีขนส่งสาธารณะที่เป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อการเดินทาง กำหนดรูปแบบการใช้ที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อสร้างชุมชนรอบสถานีให้เป็นชุมชนที่มีคุณภาพชีวิตดีและน่าอยู่อาศัย
ขณะที่ภูเก็ตขับเคลื่อนการปรับปรุงและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเมือง อาทิ วิธีการออกแบบเมืองแบบธรรมชาติด้วยการปรับปรุงภูมิทัศน์และโครงสร้างเมืองพื้นฐาน ที่ตั้งรับและปรับตัว เพื่อรองรับต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ซาบีดากล่าวอีกว่า แนวทางนี้ให้ความสำคัญกับการยกระดับคุณภาพชีวิตและรายได้ เสริมสร้างการวางแผนเชิงพื้นที่ของเมือง โดยมีโครงสร้างพื้นฐานเมืองที่สนับสนุนการออกแบบเมืองที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและเกษตรชุมชน รวมถึงมุ่งเน้นการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างธรรมชาติและวัฒนธรรม เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนสำหรับคนรุ่นต่อไป
ด้วยความพยายามเหล่านี้ กระทรวงมหาดไทยและพันธมิตรตั้งเป้าที่จะสร้างเมืองและชุมชนที่ตั้งรับและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อให้ประชาชนมีความปลอดภัย ความมั่นคง สร้างโอกาสและความสุข สิ่งสำคัญในอนาคตคือการส่งเสริมการวางแผนผังเมืองที่สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้อย่างยั่งยืนในอนาคต โดยอาศัยความร่วมมือ การเรียนรู้ และการแบ่งปัน แนวปฏิบัติที่ดีที่สุด เพื่อปรับตัวให้เข้ากับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปในขณะที่เรายังคงเดินต่อไปบนเส้นทางนี้ จึงขอเชิญชวนพันธมิตรและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกท่านที่อยู่ที่นี่มาร่วมกันสร้างอนาคตที่เคารพสิ่งแวดล้อมโลก ยกระดับชุมชน และสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน
นอกจากนี้ ซาบีดายังเข้าร่วมรับฟังการสนทนาที่ 2 ในหัวข้อ ‘เมืองและวิกฤตการณ์ทางสภาพภูมิอากาศ’ พร้อมกับเยี่ยมชมนิทรรศการภายในงาน It All Starts at Home: Local Actions for Sustainable Cities and Communities และเยี่ยมชมงาน Urban Expo ที่มีบูธจากประเทศไทย โดยกรมโยธาธิการและผังเมืองร่วมกับภาคเอกชน Urban Solutions จัดแสดงนิทรรศการการพัฒนาพื้นที่เฉพาะของประเทศไทย และบูธจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ร่วมกับมหาวิทยาลัยในกลุ่มประเทศเอเชีย-แปซิฟิกด้วย
