วันนี้ (17 ธันวาคม) ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการบูรณะโบราณสถานที่ได้รับความเสียหายจากการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา โดยยืนยันว่า ไทยไม่ได้โจมตี แต่ดำเนินการตามหลักการป้องกันตัวตามหลักสากล และตามหลักความมั่นคงของประเทศ
ส่วนการที่โบราณสถานถูกทำลายนั้น เบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุว่ามีการถูกทำลายก่อนเกิดการปะทะหรือไม่ เพราะอย่างที่ทุกคนทราบ โบราณสถานเหล่านี้ประเทศไทยเพิ่งได้ยึดคืนมาเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา และการยึดของเรา เราก็ต้องพิสูจน์ว่าเมื่อโบราณสถานเหล่านั้นอยู่ในพื้นที่อธิปไตยของเราแล้ว เราจะต้องวางแผนงบประมาณในการบูรณะซ่อมแซม พร้อมยืนยันว่าเราไม่ได้ใช้โบราณสถานในการเป็นบังเกอร์หรือใช้เป็นวัตถุประสงค์ทางการทหาร แต่เราจะทำโบราณสถานให้เป็นโบราณสถานจริงๆ ที่จะต้องมีการบูรณะซ่อมแซม
ส่วนได้ประเมินระยะเวลาที่จะบูรณะโบราณสถานนานเท่าใดนั้น ซาบีดากล่าวว่า เบื้องต้นกรมศิลปากรยังไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้ แต่เรื่องเทคนิคการซ่อมแซมไม่ได้มีความซับซ้อน และกรมศิลปากรมีศักยภาพพอในการบูรณะซ่อมแซม ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลาไม่นาน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ในพื้นที่โดยรอบโบราณสถานยังมีทุ่นระเบิด จะมีการดูแลความปลอดภัยให้กับเจ้าหน้าที่ที่จะเข้าไปตรวจสอบอย่างไรบ้าง ซาบีดาระบุว่า ต้องรอฝ่ายความมั่นคงให้คำยืนยันว่าเราสามารถเข้าไปสำรวจและทำการบูรณะได้ พร้อมย้ำว่า จะต้องมีการเคลียร์พื้นที่ และเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อยถึงจะสามารถเข้าไปสำรวจได้
ส่วนจะใช้ซากเดิมขึ้นมาบูรณะหรือใส่วัสดุใหม่ ซาบีดากล่าวว่า ตอนนี้มีเทคนิคใหม่ในการซ่อมแซม แต่รูปแบบยังคงเหมือนเดิม ซึ่งได้มีการศึกษาไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ย้ำว่า จะต้องมีการสำรวจก่อนเข้าบูรณะอย่างแน่นอน
ส่วนที่ทหารกัมพูชาเข้าไปใช้ตัวปราสาทในการเป็นฐานปฏิบัติการนั้น และเมื่อเกิดการปะทะ กัมพูชาโจมตีไทยว่าทำลายโบราณสถานนั้น จะมีการทำหนังสือประท้วงอย่างไรบ้าง
ซาบีดากล่าวว่า การที่ประเทศไทยจะทำอะไรต้องยึดหลักสากล และดูข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน ตอนนี้เหมือนเรากำลังพูดถึงปลายเหตุจนลืมไปว่าต้นเหตุของโบราณสถานถูกทำลายเกิดจากอะไร ซึ่งกัมพูชาใช้เป็นวัตถุประสงค์ทางการทหารจนทำให้ประเทศไทยต้องป้องกันตัว และปกป้องอธิปไตยของไทย
ส่วนจะทำหนังสือประท้วงทุกช่องทางใช่หรือไม่ ซาบีดากล่าวว่า ใช้ทุกเวทีในการตอบโต้ อย่างเวทียูเนสโกล่าสุด และตอบโต้ด้วยเหตุและผลด้วยถ้อยแถลง


