×

จัดงานแบบเดิมอาจน่าเบื่อ! วู้ดดี้เผย หลัง S2O ครบรอบ 10 ปี บุกราชมังฯ แพ็กเกจแพงสุด 1.9 ล้านบาท

13.03.2025
  • LOADING...

เปิดเส้นทางความสำเร็จ S2O Music Festival ครบรอบ 10 ปี ‘วู้ดดี้’ เผย โลกเปลี่ยนเร็ว จัดงานแบบเดิมอาจน่าเบื่อ! ปีนี้ทุ่มทุนเพิ่ม 250 ล้านบาท บุกราชมังฯ ดึงสาวก EDM เข้างาน 100,000 คน กระแสดีจนบัตรทุกประเภท Sold Out ไปแล้ว

 

“ถึงวันนี้ S2O จัดในไทยมากว่า 10 ปีแล้ว ถือเป็นแบรนด์เฟสติวัลที่แข็งแกร่งและได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม จนสามารถพูดอย่างเต็มปากว่าเราเป็นโกลบอลแบรนด์แล้ว” วู้ดดี้-วุฒิธร มิลินทจินดา ผู้ก่อตั้งเทศกาลดนตรี S2O Songkran Music Festival กล่าว

 

ความสำเร็จสะท้อนจากรายได้และสปอนเซอร์ที่เพิ่มขึ้นทุกปี แต่ต้องยอมรับว่าบริบทสังคมเปลี่ยน บวกกับการแข่งขันของวงการ EDM ที่เพิ่มขึ้น ถ้าผู้จัดไม่ปรับตัวยังจัดงานแบบเดิมๆ อาจไม่ตื่นเต้นหรือทำให้คนรู้สึกน่าเบื่อ ดังนั้นเราจะไม่ยึดติดกับความสำเร็จเดิมๆ ต้องยอมทิ้งรูปแบบการจัดงานแบบเดิมไปสู่สิ่งใหม่ๆ

 

เป็นที่มาของปีนี้ได้ทุ่มงบจัดงานเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว หรืออยู่ที่ 250 ล้านบาท จากเดิมการจัดงานใช้งบ 100 ล้านบาท และย้ายสถานที่จัดงานมาอยู่ที่ราชมังคลากีฬาสถาน สิ่งที่น่าสนใจในปีนี้จะมุ่งไปใช้เทคโนโลยีออกแบบเวทีให้ใหญ่ขึ้น พร้อมด้วยเทคโนโลยีการฉีดน้ำแบบ 360 องศา รวมถึงการดึงดีเจชื่อดัง เช่น MARSHMELLO, ALAN WALKER, Major Lazer, Timmy Trumpet และ DJ SNAKE เข้ามาร่วมสร้างประสบการณ์ใหม่ให้นักท่องเที่ยว

 

สำหรับงานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-15 เมษายน 2025 บัตรเริ่มต้นราคา 2,500 บาท แพงสุดเป็นแพ็กเกจ VVIP ราคา 1.9 ล้านบาท โดยจะได้อยู่โซนที่ดีที่สุดในงาน เข้าได้ 25 คน มีเครื่องดื่มและอาหารบริการ ตอนนี้บัตรทุกประเภท Sold Out ไปแล้ว คาดว่าตลอดการจัดงานทั้งสามวันจะมีนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติเข้าร่วมงานกว่า 100,000 คน

 

ปุลิน มิลินทจินดา กรรมการผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการและผู้ร่วมก่อตั้ง S2O กล่าวเพิ่มว่า ปีนี้เป็นปีที่ใช้งบมากสุด มีไลน์อัพดีเจที่หลากหลาย และมีลูกค้า สปอนเซอร์มากที่สุดในรอบ 10 ปี ทำให้ S2O ขึ้นแท่นเป็นงานเฟสติวัลที่ภาครัฐช่วยกันผลักดันให้เป็น Soft Power อันดับต้นๆ ของไทยที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวได้ทุกปี

 

ความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่นี้จะช่วยยกระดับงานเฟสติวัลไทยสู่เวทีระดับโลก ให้เป็นจุดหมายปลายทางของเทศกาลดนตรีระดับนานาชาติ และส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศในฐานะศูนย์กลางวัฒนธรรมและความบันเทิงของเอเชีย

 

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาผู้เข้าร่วมงานจะเป็นคนไทย 50% ตามด้วย จีน มาเลเซีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และอินโดนีเซีย โดยอัตราการใช้จ่ายของต่างชาติอยู่ที่ 2 หมื่นบาทต่อคน

 

อีกหนึ่งความสำเร็จของ S2O ไม่เพียงดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้บินมาร่วมงานที่ไทยทุกปี แต่ยังดึงความสนใจจากผู้ประกอบการต่างชาติให้อยากซื้อลิขสิทธิ์งาน S2O ไปจัดที่ต่างประเทศ ปัจจุบันขายลิขสิทธิ์งานไปในหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ฮ่องกง สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นงานสเกลระดับ 10,000 ขึ้นไป จัดในช่วงฤดูร้อนของประเทศนั้นๆ ค่อนข้างประสบความสำเร็จมากเหมือนกัน

 

ขณะเดียวกันอุตสาหกรรมเทศกาลดนตรีมีการแข่งขันสูงขึ้นทุกปี S2O จึงต้องรักษาความเป็นผู้นำในตลาด ไม่ว่าจะเป็นการสร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง การดึงดูดกลุ่มศิลปินชั้นนำ และการนำเทคโนโลยีเข้ามาผสมผสาน เพื่อให้ผู้เข้าร่วมได้รับประสบการณ์ที่แปลกใหม่

 

และหากสังเกตจะเห็นว่าหลายคนที่ซื้อบัตรไม่ได้ตัดสินใจจากราคา แต่ดูจากองค์ประกอบของงาน ทั้งรูปแบบงาน ประสบการณ์ที่จะได้รับ รวมถึงการบอกต่อของเพื่อนเป็นหลัก

 

สุดท้ายแล้วจุดแข็งของ S2O ในฐานะงานที่มีฐานแฟนเพลงขนาดใหญ่นั้น สามารถสร้างมูลค่าทางการตลาดและมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมผู้บริโภคในกลุ่มนักท่องเที่ยวสายดนตรีและไลฟ์สไตล์ โดยปีนี้คาดหวังการเติบโตอยู่ที่ 25% และสร้างรายได้ประมาณ 350 ล้านบาท

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising