บทบาท ‘มาเก๊า’ เด็กหนุ่มอารมณ์ดี ขี้เล่น จอมกวน ในละครเรื่อง เลือดข้นคนจาง ของ ริว-วชิรวิชญ์ อรัญธนวงศ์ อาจทำให้หลายคนเข้าใจผิด คิดว่าในชีวิตจริง ตัวตนของเขาคงไม่ต่างจากที่เห็นในจอโทรทัศน์เท่าไร
แต่นั่นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งในชีวิต เพราะถ้าตัดเรื่องที่ริวชอบสร้างบรรยากาศให้คนรอบข้างผ่อนคลาย ตัวตนลึกๆ ของเขาเป็นเด็กหนุ่มอายุ 18 ปี ที่จริงจังกับทุกเป้าหมายในชีวิตยิ่งกว่าใคร ตั้งแต่เริ่มต้นด้วยการเป็นเด็กติดเกม พิสูจน์ตัวเองในฐานะนักกีฬาปิงปองระดับเยาวชนทีมชาติ มาจนถึงบทบาทล่าสุดกับการเป็นหนึ่งในศิลปินจากโปรเจกต์พัฒนาศิลปิน 9×9 ของค่าย 4NOLOGUE
ที่ทำให้รู้ว่าภายใต้รอยยิ้มอารมณ์ดีเหมือนไม่คิดอะไรมากกับโลกใบนี้ ริวได้ซ่อนความคิดที่จริงจังเกินกว่าเพื่อนๆ ในวัยเดียวกันเอาไว้หลายเท่าตัว
ในมุมมองของริว ตัวละคร ‘มาเก๊า’ เป็นคนแบบไหน
เป็นน้องชายของเวกัส (รับบทโดย เจมส์-ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ) นิสัยต่างจากพี่ชาย พี่เป็นคนซีเรียสกับชีวิตแบบสุดขั้ว เพราะมาเก๊าจะได้นิสัยตามแบบของกรกันต์ (รับบทโดย ลิฟท์-สุพจน์ จันทร์เจริญ) มาเต็มๆ คือจะเป็นคนขี้เล่น ตลก มองโลกในแง่ดี ชอบท่องเที่ยว หาความสุขให้กับชีวิต ไม่ชอบเห็นคนเครียด เวลาเกิดสถานการณ์ไม่ดีเกิดขึ้น มาเก๊าจะพยายามใช้ความกวนของตัวเองทำให้บรรยากาศผ่อนคลาย
สำหรับนักแสดงใหม่ ทีมเขียนบทเรื่อง เลือดข้นคนจาง จะต้องมารีเสิร์ชตัวตนของนักแสดงก่อน เพื่อนำไปพัฒนาตัวละครต่อ มีนิสัยอะไรของริวที่ถูกนำเข้าไปใส่ในตัวของมาเก๊าบ้าง
เหมือนกันมากๆ ในเรื่องที่ไม่อยากให้บรรยากาศของคนรอบตัวเครียดครับ ผมจะพยายามหามุกมาเล่น เพื่อให้ทุกคนผ่อนคลายอยู่บ่อยๆ ซึ่งตลกบ้างไม่ตลกบ้าง อันนี้ค่อยว่ากันอีกที (หัวเราะ) แต่อย่างน้อยผมคิดว่ายังดีกว่าปล่อยให้บรรยากาศมันตึงไปเรื่อยๆ
แต่ผมจะต่างกับมาเก๊าตรงเรื่องความจริงจังในชีวิต ถ้าดูจากในหนัง มาเก๊าเป็นคนที่แทบไม่สนใจเรื่องอะไรในชีวิตเลย แต่ผมจะค่อนข้างซีเรียสกับเส้นทางในชีวิตพอสมควร ตั้งแต่เด็กๆ ที่เป็นเด็กติดเกม ก็นั่งเล่นเกมทั้งวันแบบไม่สนใจอะไร
ตอนอายุ 8 ขวบ คุณพ่อเห็นว่าเป็นแบบนี้น่าจะไม่ดี ก็พยายามหากีฬามาให้เล่น จนผมได้ลองเล่นปิงปอง แล้วรู้สึกว่าชอบกีฬาชนิดนี้มาก หลังจากนั้นก็เข้าสโมสรเพื่อฝึกเล่นอย่างจริงจัง จนติดเยาวชนทีมชาติ จากที่เล่นเพราะชอบ เล่นเพราะสนุก ก็กลายเป็นเล่นเพราะอยากเก่ง ไม่อยากแพ้ใคร กลายเป็นความเครียดขึ้นมา พอมีโอกาสเข้ามาทำงานในวงการบันเทิง ด้วยความที่ผมยังใหม่มาก ก็จะกดดันตัวเองเวลารู้สึกว่ายังทำได้ไม่ดีพอ
ริวเพิ่งเข้ามาเป็นสมาชิกของโปรเจกต์ 9×9 หลังคนอื่นด้วย เรื่องนี้ก็น่าจะยิ่งทำให้รู้สึกกดดันมากขึ้นไปอีกหรือเปล่า
ใช่ครับ มีหลายปัจจัยเลย ตั้งแต่ผมเป็นคนที่ไม่พื้นฐานด้านการร้องการเต้นมาก่อนเลย แล้วยังเข้ามาช้ากว่าคนอื่นประมาณ 6 เดือน พอมาถึงทุกคนเขาก็เริ่มพัฒนาไปไกลแล้ว ช่วงๆ แรกที่เข้ามาก็เครียดหนักเหมือนกัน กลัวว่าจะไปเป็นตัวถ่วงเขาหรือเปล่า ก็พยายามซ้อมอย่างหนัก เพื่อตามคนอื่นให้ทัน แล้วก็โชคดีที่ทีมงานและพี่ๆ เพื่อนๆ ในโปรเจกต์เข้าใจ คอยให้กำลังใจและคำแนะนำอยู่ตลอด
นอกจากการซ้อมหนักตามตารางปกติ ริวต้องทำอะไรเพิ่มเติมอีกบ้างหรือเปล่า เพื่อลดช่องว่างระหว่าง 6 เดือน ที่เพื่อนๆ เริ่มต้นไปก่อนให้ลดน้อยลง
พยายามถามในสิ่งที่เราไม่เข้าใจ กับทำการบ้าน ดูคลิปการแสดงของศิลปินต่างประเทศให้มากที่สุดครับ ดูจนตอนนี้ผมเป็นแฟนคลับของวง EXO ไปเลย (หัวเราะ) พยายามไปดูคอนเสิร์ตถ้ามีโอกาส ตรงนี้จะช่วยได้เยอะเหมือนกัน เพราะเราได้เห็นเพอร์ฟอร์แมนซ์ของคนที่เป็นมืออาชีพจริงๆ เวลาเห็นคนที่ตั้งใจทำอะไรมากๆ แล้วผลงานออกมาดี มันจะมีพลังงานบางอย่างที่ส่งมาถึง กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เราอยากกลับไปพัฒนาตัวเอง
พูดจริงๆ ว่า นึกภาพศิลปินผู้ชายหน้าตาดี ไปตามกรี๊ดศิลปิน K-POP ไม่ค่อยออกเหมือนกันนะ
เราไม่ได้กรี๊ดที่หน้าตาเขาไงครับ (หัวเราะ) เราชื่นชมเขาที่การแสดง ชื่นชมวิธีคิดในการทำงาน ระเบียบวินัยในการซ้อมที่มันเป๊ะมาก คือดูผลงานของเขาก็ช่วยส่วนหนึ่งในเรื่องท่าเต้นที่เอามาปรับใช้ได้ แล้วผมไม่ได้ดูแค่ผลงานของเขา แต่พยายามติดตามไปถึงเบื้องหลังการทำงานของเขา สิ่งสำคัญคือ การได้รู้ว่า มันมีคนที่ทุ่มเทมากๆ เพื่อการเป็นศิลปินตรงนี้อยู่ เวลาที่ผมเครียดๆ หรือเหนื่อยจากการซ้อม แล้วคิดถึงว่า พวกเขาซ้อมหนักกว่าเรามากเท่าไร เขาเริ่มต้นกันมาตั้งกี่ปี กว่าจะทำได้แบบนี้ มันก็ทำให้เรามีกำลังใจกลับไปซ้อม กลับไปพัฒนาตัวเอง เพราะมีพวกเขาเป็นต้นแบบ
มีส่วนไหนในการเป็นนักกีฬา ที่ริวสามารถเอามาใช้ในการพัฒนาตัวเองสำหรับการเป็นนักแสดงได้บ้าง
ทักษะอาจจะเป็นคนละอย่าง แต่สิ่งที่เอามาใช้ได้คือ การเป็นนักกีฬาทำให้ผมมีพื้นฐานของระเบียบวินัยและความอดทน ผมชินกับการซ้อมหนักทุกวันหลังเลิกเรียนมาตั้งแต่ 8 ขวบ เคยคิดเหมือนกันว่า ถ้าไม่เคยทำแบบนั้นมาก่อน แล้วมาเจอการซ้อมแบบ 10 ชั่วโมง ในโปรเจกต์ 9×9 นี่อาจจะช็อกได้ (หัวเราะ)
แล้วก็ได้เรียนรู้ว่า ถ้าเราต้องการประสบความสำเร็จ เราต้องยอมเสียสละบางอย่างอยู่เสมอ ที่แน่ๆ ก็คือ ช่วงชีวิตวัยเด็กหรือวัยรุ่นที่แทบจะหายไปเลย ในวันที่เริ่มต้นเล่นปิงปอง ผมก็มีความคิดว่าอยากประสบความสำเร็จ อยากเป็นนักกีฬาทีมชาติ ด้วยเป้าหมายที่ใหญ่มาก ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ผมจะต้องแลกบางช่วงเวลาที่จะได้ไปเที่ยวเล่น และไปขลุกตัวอยู่บนโต๊ะสี่เหลี่ยม
ตอนนี้ผมอยากเป็นศิลปินที่ดี มีผลงานที่น่าประทับใจออกมา ก็ต้องเอาเวลาที่เหลือไปตั้งใจซ้อม ไปพัฒนาตัวเองให้มากที่สุด แต่ยังไม่ทิ้งความฝันเรื่องการเป็นนักกีฬานะครับ เพียงแค่ต้องแบ่งเวลามากขึ้นเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นเป้าหมายตอนนี้อาจเปลี่ยนไปบ้าง แต่วิธีคิดในการพัฒนาตัวเองไม่ต่างกันเลย
ริวบอกตัวเองอย่างไร เวลาเห็นเพื่อนรุ่นเดียวกันคนอื่นๆ เอาเวลาไปพักผ่อน ท่องเที่ยว หาความสุขให้กับชีวิตตามประสาเด็กวัยรุ่นทั่วไป
ผมอยากสร้างรากฐานให้กับตัวเองและครอบครัว ก็เลยต้องตั้งเป้าหมายให้สูงในทุกๆ เรื่องๆ ถ้าพูดจริงๆ ตอนนี้ผมยังเป็นเด็ก และยังไม่รู้หรอกว่าต่อไปเราจะยึดอาชีพอะไรเป็นหลักในการดำเนินชีวิต ตอนเด็กผมมีโอกาสเป็นนักกีฬา ต่อมาได้เป็นนักแสดง ได้เป็นศิลปิน ในอนาคตอาจจะมีเรื่องอื่นเข้ามาก็ได้
เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมคิดในตอนนี้ก็คือ เปิดรับโอกาสที่เข้ามาให้กับตัวเองมาก แล้วก็ตั้งใจกับทุกโอกาสให้ดีที่สุด ผมคิดว่าเวลาไปเที่ยวพักผ่อน ใช้ชีวิตแบบนั้นยังพอเหลืออยู่อีกเยอะ แต่โอกาสตรงนี้ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ ถ้าผมทำแบบครึ่งๆ กลางๆ แล้วปล่อยให้มันผ่านไป ผมอาจต้องมานั่งเสียใจไปตลอดชีวิตก็ได้ เลยตั้งเป้าหมายไว้สูง แล้วก็ค่อนข้างเยอะ ตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้หรอกว่าจริงๆ แล้วผมอยากทำอาชีพอะไร
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
- สมาชิกวง EXO ที่ริวชอบมากที่สุดคือ ชานยอลและเซฮุน
- ริวเรียน กศน. เพื่อสอบเทียบเข้าระดับมหาวิทยาลัย ปัจจุบันริวเรียนอยู่ชั้นปีที่ 2 คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในขณะที่มีอายุ 18 ปี
- ละครเรื่อง เลือดข้นคนจาง ออกอากาศทุกวันศุกร์ เวลา 20.45 น. และวันเสาร์ เวลา 20.10 น. ทางช่อง one31