ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย หารือกับ ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ทางโทรศัพท์เกือบ 2 ชั่วโมงในวันอาทิตย์ (6 มีนาคม) โดยทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศสเผยว่า ปูตินมีความตั้งใจที่จะบรรลุจุดมุ่งหมายในยูเครนผ่านช่องทางการทูต หรือ ‘สงคราม’
เจ้าหน้าที่ทำเนียบผู้นำฝรั่งเศสซึ่งขอไม่เปิดเผยชื่ออธิบายเสริมว่า เป้าหมายที่ปูตินกล่าวถึงนี้หมายถึงการขจัดลัทธินาซีและการทำให้ยูเครนเป็นกลาง โดยปูตินกล่าวหารัฐบาลยูเครนของ โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ว่าเป็นนีโอนาซีที่ข่มเหงพลเมืองชนชาติรัสเซีย
นอกจากนี้ปูตินยังต้องการให้รับรองคาบสมุทรไครเมียว่าเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของรัสเซีย หลังรัสเซียผนวกเป็นส่วนหนึ่งของประเทศตั้งแต่ปี 2014 อีกทั้งต้องการให้รับรองสถานะรัฐอิสระของแคว้นโดเนตสก์และลูฮันสก์ ทางภาคตะวันออกของยูเครน ซึ่งข้อเรียกร้องเหล่านี้เป็นสิ่งที่ยูเครนรับไม่ได้
มาครงยังขอให้ปูตินหยุดการโจมตีและรับประกันความปลอดภัยของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ หลังการสู้รบทำให้เกิดเหตุไฟไหม้ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซีย ขณะที่ปูตินบอกมาครงว่า รัสเซียไม่ต้องการโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แต่อย่างใด
ขณะที่ทำเนียบเครมลินของรัสเซียระบุว่า ปูตินได้ตำหนิยูเครนเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่โรงไฟฟ้า และอ้างว่าเป็นการยั่วยุจากกลุ่มหัวรุนแรงในยูเครน ส่วนฝั่งยูเครนระบุว่า เหตุไฟไหม้เกิดจากการโจมตีของกองกำลังรัสเซีย
นอกจากนี้เครมลินยังระบุด้วยว่า ทหารรัสเซียและยูเครนได้ร่วมกันคุ้มกันโรงไฟฟ้าซาปอริซเซียในเวลานี้ ส่วนระดับรังสีนั้นยังอยู่ในขั้น ‘ปกติ’
สำหรับกรณีการอพยพประชาชนที่ล้มเหลวในเมืองมาริอูโปลและโวลโนวาคา ทางใต้ของยูเครนนั้น ปูตินโทษว่าเป็นเพราะกลุ่มชาตินิยมยูเครนที่ห้ามพลเมืองยูเครนและชาวต่างชาติออกจากเมือง และใช้การหยุดยิงเพียงเพื่อเสริมกำลังให้ตนเองและตั้งหลักเท่านั้น
ด้านยูเครนระบุว่า รัสเซียยังคงยิงโจมตีอย่างต่อเนื่องในช่วงการหยุดยิงทั้งในวันเสาร์ (5 มีนาคม) และอาทิตย์ (6 มีนาคม) ขณะที่เครมลินระบุว่า ยูเครนไม่ทำตามข้อตกลงและเป็นฝ่ายละเมิดข้อตกลงหยุดยิงก่อน เป็นเหตุให้การอพยพประชาชนล้มเหลว
ภาพ: Kremlin Press Office / Handout / Anadolu Agency via Getty Images
อ้างอิง:
