ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครน เรียกร้องไปยังประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย เพื่อขอเจรจาโดยตรงแบบ ‘ตัวต่อตัว’ ท่ามกลางความพยายามยับยั้งสงครามในยูเครน พร้อมทั้งเรียกร้องไปยังชาติตะวันตกให้เพิ่มความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครน
ท่าทีของผู้นำยูเครนมีขึ้นในระหว่างการแถลงข่าวเมื่อวานนี้ (3 มีนาคม) โดยเขาขอให้ปูตินยอมนั่งลงเจรจา และชี้ว่า การพูดคุยกันนั้นเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลและมีความสำคัญมากกว่าการสู้รบ พร้อมทั้งกล่าวติดตลกว่า ‘ผมไม่กัด’
“นั่งลงกับผมเพื่อเจรจา ไม่ใช่ที่ระยะ 30 เมตรนะ ผมไม่กัดหรอก คุณกลัวอะไร คำพูดนั้นสำคัญมากกว่าการยิงกัน” เซเลนสกีกล่าว โดยระยะ 30 เมตร เป็นการอ้างอิงความยาวของโต๊ะที่ปูตินใช้ในการประชุมร่วมกับประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส และผู้นำต่างชาติคนอื่นๆ ซึ่งกลายเป็นที่พูดถึงในโซเชียลมีเดียก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ เซเลนสกียังกล่าวถึงท่าทีของ NATO และสหรัฐฯ ที่ปฏิเสธข้อเรียกร้องให้กำหนดเขตห้ามบินเหนือยูเครน ซึ่งจะส่งผลให้ต้องมีการส่งกำลังทหารไปบังคับใช้มาตรการ โดยชี้ว่าหาก NATO และสหรัฐฯ ไม่ตอบรับ ก็ควรจะส่งเครื่องบินรบให้แก่ยูเครน เพื่อป้องกันตนเองจากการโจมตีทางอากาศของรัสเซีย
ขณะเดียวกันเมื่อวานนี้ ทางด้านผู้แทนเจรจาของยูเครนและรัสเซีย ได้เปิดการเจรจารอบ 2 ที่ชายแดนเบลารุส-โปแลนด์ โดยทั้ง 2 ฝ่ายตกลงสร้างเขตฉนวนเพื่อมนุษยธรรมสำหรับอพยพพลเรือน แต่ทาง มิคาอิโล โปโดลยัค ที่ปรึกษาประธานาธิบดียูเครนและหนึ่งในผู้แทนเจรจา กล่าวแสดงความเสียดายที่ยูเครนยังไม่ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ คือการหยุดยิงในทันที
อย่างไรก็ตาม เซเลนสกีชี้ว่าโอกาสในการเจรจารอบใหม่ระหว่างรัสเซียและยูเครนหลังจากนี้ดูเหมือนจะไม่มีความหวัง แต่ยังเน้นย้ำความจำเป็นที่ต้องมีการเจรจาระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อหาทางออกของปัญหาความขัดแย้ง
ภาพ: Photo by Ukrainian Presidency / Handout/Anadolu Agency via Getty Images
อ้างอิง