สถานีโทรทัศน์ CNN รายงานว่า บรรดาผู้นำในหลายประเทศทั่วโลกต่างออกมาประณามรัสเซียภายใต้การนำของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน กรณียิงขีปนาวุธถล่มกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน พร้อมกันกับอีกหลายเมืองทั่วประเทศยูเครน โดยประเด็นในการประณามทั้งหมดมุ่งไปที่การที่รัสเซียโจมตียูเครนแต่กลับพุ่งเป้าไปที่พลเรือน
รายงานระบุว่า เบื้องต้นพบผู้เสียชีวิตแล้วในยูเครน 11 คน บาดเจ็บอีกอย่างน้อย 12 คน โดยทางการยูเครนเปิดเผยว่า รัสเซียได้ยิงขีปนาวุธทั้งหมด 84 ลูกใส่หลายเมืองในยูเครน ส่วนใหญ่เกิดขึ้นบริเวณใจกลางกรุงเคียฟ ในย่านที่มีคนพลุกพล่าน เช่นสวนสาธารณะ และแหล่งท่องเที่ยวของเมือง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ไม่ขายแต่ปิดกิจการเลย! Toyota ยุติการผลิตและการขายในรัสเซีย แม้ครองส่วนแบ่งมากที่สุดในบรรดาแบรนด์ญี่ปุ่นก็ตาม
- ‘จีน’ ผนึก ‘รัสเซีย’ ดันสกุลเงินกลุ่ม BRICS เป็นทางเลือกชำระเงิน หวังคานอำนาจดอลลาร์สหรัฐ
- ‘สหภาพยุโรป’ เตรียมแบนการโอนเงินด้วยคริปโตของชาวรัสเซีย หลังมีการลงประชามติที่ไม่เป็นธรรมของรัสเซีย
นอกจากนี้ ทางการยูเครนยังเปิดเผยว่าเป้าหมายของการโจมตีคือโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของประเทศ ซึ่งส่งผลให้ขณะนี้หลายพื้นที่ทั่วประเทศยูเครนอยู่ในสภาพที่ไม่มีพลังงานไฟฟ้าใช้
ด้านสื่อท้องถิ่นรัสเซียรายงานว่า การโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้นเพื่อตอบโต้กรณีล่าสุดที่ยูเครนยิงถล่มทำลายสะพานเคิร์ช สะพานเชื่อมคาบสมุทรไครเมีย ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้มีการออกมากล่าวอ้างแสดงความรับผิดชอบว่าเป็นผู้ดำเนินการโจมตีแต่อย่างใด
ขณะที่ประธานาธิบดีปูตินกล่าวต่อที่ประชุมสภาความมั่นคง ยืนกรานว่า การโจมตีล่าสุดที่เกิดขึ้นนี้พุ่งเป้าไปที่โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน การทหาร และการสื่อสารของยูเครนเป็นหลัก และเหตุผลของการโจมตีเป็นไปเพื่อตอบโต้ที่ยูเครนทำลายสะพานเชื่อมแคว้นไครเมียที่รัสเซียดำเนินการผนวกเข้ามาในปี 2014
ทั้งนี้ ผู้นำรัสเซียยืนยันว่าการโจมตีสะพานเป็นไปตามคำสั่งการของหน่วยข่าวกรองยูเครน โดยมีเป้าหมายทำลายโครงสร้างพื้นฐานทางพลเรือนที่สำคัญของรัสเซีย พร้อมประกาศกร้าวว่ารัสเซียจะเดินหน้าตอบโต้อย่างรุนแรง
ด้านหน่วยข่าวกรองยูเครนโต้ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเหตุการณ์ที่วางแผนล่วงหน้ามาเป็นอย่างดีตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ที่แล้ว
CNN รายงานว่า ทันทีที่รัสเซียเปิดฉากยิงถล่มยูเครน บรรดาผู้นำชาติตะวันตกและหน่วยงานชั้นนำระหว่างประเทศต่างลุกขึ้นประณามการกระทำดังกล่าวของรัสเซีย โดยประธานาธิบดี โจ ไบเดนของสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ระบุว่า กรณียิงขีปนาวุธโจมตียูเครนครั้งล่าสุดนี้เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่แสดงให้เห็นความโหดร้ายทารุณของสงครามที่มีต่อพลเรือนผู้บริสุทธิ์ ก่อนให้คำมั่นว่า สหรัฐฯ จะยืนหยัดเคียงข้างยูเครน และสหรัฐฯ กับชาติพันธมิตรจะให้กับสนับสนุนทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับยูเครนในการปกป้องประเทศและเสรีภาพของตน รวมถึงเดินหน้าใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียที่รุกรานยูเครนอย่างไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ทางประธานาธิบดีไบเดนยังได้ประณามประธานาธิบดีปูติน โดยระบุว่า ปูตินคืออาชญากรสงคราม ขณะเดียวกันยังได้ต่อสายตรงพูดคุยกับประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีแห่งยูเครน เพื่อให้กำลังใจและให้คำมั่นสัญญาที่จะช่วยเหลือยูเครนต่อไป รวมถึงการให้ความช่วยเหลือด้านระบบป้องกันการโจมตีทางอากาศที่ล้ำสมัย
ด้าน อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ (UN) ระบุว่า รู้สึกช็อกต่อกรณีที่รัสเซียยิงขีปนาวุธถล่มเป้าหมายพลเรือนในยูเครน จนทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก
ส่วน เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) กล่าวว่า รู้สึกตกใจและตะลึงกับการโจมตีที่เลวร้ายที่เกิดขึ้นในยูเครน และกล่าวว่ารัสเซียภายใต้การนำของปูตินกำลังทำให้โลกได้เห็นความโหดร้ายและความหวาดกลัว
ขณะที่ทางองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (NATO) ออกแถลงการณ์ประณามรัสเซีย หลังยิงขีปนาวุธถล่มเป้าหมายพลเรือนหลายจุดทั่วประเทศยูเครน โดยทางเลขาธิการ NATO ได้ทวีตข้อความระบุว่า NATO ขอประณามการโจมตีพลเรือนไม่เลือกหน้าของรัสเซีย และ NATO จะยังคงให้การสนับสนุนยูเครนในการตอบโต้การรุกรานของรัสเซีย
คาริม ข่าน หัวหน้าอัยการศาลอาญาระหว่างประเทศ (International Criminal Court: ICC) แสดงความเชื่อมั่นว่า ต้องมีสักวันที่รัสเซียจะต้องถูกตัดสินลงโทษจากสงครามความรุนแรงที่เกิดขึ้น เพื่อคืนความยุติธรรมให้กับยูเครน
ล่าสุดมีรายงานว่าทาง ดมิโทร คูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน ออกมายืนกรานยืนหยัดที่จะต่อสู้กับรัสเซียต่อไป ขณะที่ประธานาธิบดีเซเลนสกียืนยันว่า ยูเครนจะไม่มีวันยอมแพ้หรือถอดใจที่จะต่อสู้กับการโจมตีอย่างโหดร้ายของรัสเซียจนถึงที่สุด และกล่าวว่าผู้นำรัสเซียตั้งใจที่จะกวาดล้างทำลายยูเครน
อ้างอิง: