วานนี้ (22 มีนาคม) อันโตนิโอ กูเตร์เรซ เลขาธิการสหประชาชาติ (UN) ประกาศว่า ถึงเวลาที่ทุกฝ่ายต้องหันหน้ามาเจรจากันแล้ว เพื่อยุติสงครามในยูเครนที่ไม่มีผู้ชนะ มีแต่ผู้แพ้ หลังรัสเซียทำสงครามรุกรานยูเครนมานานเกือบ 1 เดือนเต็ม
เลขาธิการ UN เรียกร้องให้มีการเจรจาหยุดยิงกันโดยเร็ว และเพิ่มเจรจาถึงประเด็นปัญหานี้อย่างจริงจัง เพื่อยุติการเสียชีวิตของประชาชนพลเรือนผู้บริสุทธิ์ ดังเช่นที่เกิดขึ้นในเมืองมารีอูปอล พร้อมทั้งเน้นย้ำว่า การสู้รบที่ดำเนินอยู่ในขณะนี้เป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้ในเชิงศีลธรรม ไม่สามารถแก้ตัวได้ในทางการเมือง และเป็นการกระทำที่ใช้กำลังทางทหารอย่างไร้เหตุผล
“นี่เป็นสงครามที่ไม่อาจเอาชนะได้อย่างเด็ดขาด ไม่ช้าก็เร็วจะต้องย้ายจากสมรภูมิรบมาสู่โต๊ะเจรจาเพื่อหาทางออกที่สันติ คำถามเดียวในตอนนี้คือ จะต้องมีอีกกี่ชีวิตที่ต้องสูญเสีย?
จะต้องทิ้งระเบิดอีกกี่ลูก จะต้องพังเมืองมารีอูปอลอีกกี่เมือง จะต้องมีประชาชนชาวยูเครนและชาวรัสเซียสังเวยชีวิตอีกกี่ราย ก่อนที่ทุกคนจะตระหนักได้ว่าสงครามในครั้งนี้จะไม่มีผู้ชนะ มีแต่ผู้แพ้”
เลขาธิการ UN ยังระบุอีกว่า รัสเซียเริ่มรุกรานยุเครนเมื่อราว 1 เดือนที่ผ่านมา การกระทำดังกล่าวละเมิดกฎบัตรของสหประชาชาติ ผู้คนได้รับความทุกข์ทรมาน บ้านเมืองพังเสียหาย อีกทั้งยังโจมตีใส่โรงพยาบาล โรงเรียน เขตที่พักอาศัย รวมถึงที่หลบภัยต่างๆ เมืองอย่างมารีอูปอลตกอยู่กลางวงล้อมไฟของสงคราม ผู้คนในเมืองเผชิญหน้ากับวิกฤตด้านมนุษยธรรม อาหารและน้ำสะอาดขาดแคลนอย่างหนัก
“แม้ต่อไปมารีอูปอลอาจพ่ายแพ้ แต่ยูเครนก็ไม่อาจจะถูกพิชิตได้ด้วยการยึดทีละเมือง ถนนทีละเส้น หรือบ้านทีละหลัง ผลลัพธ์เดียวที่เกิดขึ้นคือ ความทุกข์ทรมานของผู้คนที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น”
กูเตร์เรซแสดงความกังวลถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นตามมาจากสงครามและขยายตัวเป็นวงกว้าง ส่งผลให้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะราคาน้ำมันเชื้อเพลิงถีบตัวสูงขึ้น ประเทศกำลังพัฒนาจำนวนมาก แบกรับภาระในการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดมานานกว่า 2 ปี ประกอบการขาดแคลนเงินทุนและรายได้ อาจยิ่งทำให้สถานการณ์โดยรวมในหลายประเทศย่ำแย่ลงไปอีก
โดยล่าสุด ยอดผู้ลี้ภัยที่เดินทางออกจากยูเครนสูงกว่า 3.55 ล้านรายแล้ว นับตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา คาดว่าตัวเลขนี้จะเพิ่มสูงขึ้นอีกหากสงครามในครั้งนี้ยืดเยื้อและยังไม่ได้ข้อสรุป
ภาพ: ARIS MESSINIS / AFP
อ้างอิง: