วานนี้ (16 มิถุนายน) บรรดาผู้นำชาติยุโรป ไม่ว่าจะเป็น โอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี, เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส, มาริโอ ดรากี นายกรัฐมนตรีอิตาลี และ เกลาส์ โยฮานิส ประธานาธิบดีโรมาเนีย เดินทางเยือนกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน ในช่วงที่ยูเครนกำลังทำศึกสงครามป้องกันการรุกรานจากกองทัพเพื่อนบ้านอย่างรัสเซีย
โดยผู้นำทั้ง 4 ประเทศต่างหนุนยูเครนสมัครเข้าเป็นสมาชิกใหม่ของสหภาพยุโรป (EU) พร้อมแนะว่า ยูเครนควรได้รับสถานะผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิกใหม่ EU ในทันที รวมถึงเน้นย้ำให้ประเทศสมาชิก EU ทั้ง 27 ประเทศยืนหยัดเคียงข้างยูเครนจนกว่าจะได้รับชัยชนะเหนือกองทัพรัสเซีย
แต่อย่างไรก็ตาม ยูเครนยังจำเป็นต้องปฏิบัติตามขั้นตอนต่างๆ จนกว่าจะได้รับสถานะการเป็นสมาชิกภาพโดยสมบูรณ์ ซึ่งอาจกินระยะเวลานานหลายปีพอสมควร เนื่องจากสมาชิกใหม่ของ EU จำเป็นต้องผ่านเกณฑ์ (Criteria) ที่ทางองค์กรกำหนดไว้ โดยผู้นำเยอรมนีเน้นย้ำว่า “ยูเครนเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวชาวยุโรป”
โดยผู้นำยุโรปทั้ง 4 ประเทศได้เข้าพบประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครน ซึ่งผู้นำยูเครนชี้ว่า การรุกรานที่เกิดขึ้นเป็นสงครามที่ทำลายความเป็นหนึ่งเดียวกันของยุโรป และอาวุธที่มีพลานุภาพมากที่สุดก็คือความสามัคคี เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ซึ่งทริปในการเดินทางเยือนยูเครนในครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกของผู้นำเหล่านั้น นับตั้งแต่สงครามรุกรานยูเครนปะทุขึ้นเมื่อช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยเกิดขึ้น 1 วันก่อนครบกำหนดเวลาที่คณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับกรณีการสมัครเข้าเป็นสมาชิกใหม่ EU ของยูเครน ซึ่งผู้นำประเทศสมาชิก EU ทั้ง 27 ประเทศ จะหารือกันอย่างเป็นทางการในช่วงวันที่ 23-24 มิถุนายนนี้
ภาพ: Ludovic Marin / AFP
อ้างอิง: