รัสเซียเผย กองทัพเคลียร์พื้นที่เมืองในมารีอูโปลได้แล้ว ขีดเส้นตายนักรบยูเครนที่เหลือวางอาวุธ

วานนี้ (16 เมษายน) อิกอร์ โคนาเชนคอฟ โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ได้แถลงความคืบหน้าปฏิบัติการบุกยึดเมืองมารีอูโปล เมืองท่าและจุดยุทธศาสตร์สำคัญทางตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครน โดยเปิดเผยว่า กองกำลังทหารรัสเซียสามารถเข้าเคลียร์พื้นที่เมืองทั้งหมดของมารีอูโปลได้แล้ว ซึ่งเหลือเพียงกองกำลังของนักรบยูเครนและต่างชาติกลุ่มเล็กๆ ที่ยังคงปักหลักต่อต้านอยู่ภายในโรงงานเหล็กบริเวณท่าเรือที่ถูกปิดล้อม

“พื้นที่เมืองทั้งหมดของมารีอูโปลได้รับการเคลียร์ทั้งหมด และกองกำลังยูเครนที่เหลืออยู่ถูกปิดล้อมไว้ทั้งหมดแล้ว โอกาสเดียวของพวกเขาที่จะรักษาชีวิตได้ คือการวางอาวุธและยอมจำนนโดยสมัครใจ” โคนาเชนคอฟกล่าว

ด้านสำนักข่าว TASS สื่อทางการรัสเซีย เผยว่า กระทรวงกลาโหมรัสเซีย ได้ประกาศเส้นตายให้นักรบยูเครนที่เหลืออยู่ในโรงงานเหล็กยอมวางอาวุธเพื่อแลกกับการไว้ชีวิต โดยกำหนดเวลาตั้งแต่ 06.00 น. ของวันนี้ (17 เมษายน) ตามเวลามอสโก หรือตรงกับ 10.00 น. วันนี้ตามเวลาในไทย

ขณะที่ พ.อ. มิคาอิล มิซินเซฟ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการการป้องกันประเทศของรัสเซีย กล่าวว่า ข้อเสนอให้วางอาวุธดังกล่าวซึ่งเป็นไปตามหลักการมนุษยธรรมอย่างแท้จริง มีขึ้นภายหลังการปะทะอย่างดุเดือดในโรงงานเหล็ก ซึ่งเขาบรรยายว่าสถานการณ์นั้นเลวร้ายถึงขั้นหายนะ

ทั้งนี้ ยังไม่มีการตรวจสอบหรือยืนยันจากทางยูเครนหรือชาติตะวันตก ว่ารัสเซียได้เข้าควบคุมเมืองมารีอูโปลทั้งหมดแล้วหรือไม่ ซึ่งหากเป็นจริงจะถือเป็นเมืองใหญ่แห่งแรกที่ตกอยู่ภายใต้การยึดครองของกองทัพรัสเซีย นับตั้งแต่เปิดฉากทำสงครามเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์

ด้านประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เผยแพร่คลิปวิดีโอแถลงการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมาว่า สถานการณ์สู้รบในมารีอูโปลนั้นรุนแรงและไร้ความเป็นมนุษย์ และเรียกร้องชาติพันธมิตรให้ส่งอาวุธหนักเพื่อปกป้องเมืองจากกองทัพรัสเซีย

“สถานการณ์ในมารีอูโปลยังรุนแรงและไร้มนุษยธรรม นี่คือสิ่งที่สหพันธรัฐรัสเซียทำ และจงใจที่จะทำลายเมืองต่างๆ อย่างต่อเนื่อง มันคือความตั้งใจที่จะพยายามทำลายทุกคนที่อยู่ในมารีอูโปล” เซเลนสกีกล่าว

ขณะที่เขาเผยว่า ได้หารือกับผู้นำสวีเดนและสหราชอาณาจักร ถึงหนทางที่จะช่วยปกป้องเมืองมารีอูโปลและพลเรือนหลายหมื่นคนที่ยังติดอยู่ในเมือง โดยมองว่า ชะตากรรมของเมืองขึ้นอยู่กับการตัดสินใจสองแนวทาง คือการเดินหน้าต่อสู้ โดยชาติพันธมิตรให้อาวุธหนักและเครื่องบิน เพื่อลดแรงกดดันและทะลวงการปิดล้อมของรัสเซีย หรือการยุติการสู้รบผ่านการเจรจา ซึ่งบทบาทของชาติพันธมิตรจะมีส่วนสำคัญ

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เซเลนสกีได้ให้สัมภาษณ์สื่อท้องถิ่น เตือนว่าหากกองทัพรัสเซียสังหารกองกำลังยูเครนที่เหลืออยู่ในมารีอูโปล อาจส่งผลให้การเจรจาระหว่างยูเครนและรัสเซียในทุกรูปแบบสิ้นสุดลง

“การทำลายล้างคนของเราทุกคนในมารีอูโปล สิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่ตอนนี้ สามารถทำให้การเจรจาในทุกรูปแบบยุติลง ผมคิดว่ามันคือความผิดพลาดครั้งใหญ่ของพวกเขา ที่จะบอกว่าพวกเขาต้องการยุติสงครามจริงๆ” เซเลนสกีกล่าว

อ้างอิง: