วานนี้ (9 มีนาคม) องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศเตือน สงครามที่รัสเซียก่อขึ้นจะสร้างความท้าทายให้กับระบบสาธารณสุขยูเครนอย่างมาก พร้อมประณามรัสเซีย เหตุโจมตีเจ้าหน้าที่ รถพยาบาล และสถานพยาบาลอย่างน้อย 18 แห่งที่ได้รับการตรวจสอบและยืนยันแล้ว นับตั้งแต่เริ่มรุกรานยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ทางด้าน ไมค์ ไรอัน ผู้อำนวยการทีมฉุกเฉินของ WHO ระบุว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากสงครามตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้มีผู้อพยพลี้ภัยออกจากยูเครนแล้วราว 2.2 ล้านราย โดยมีสถานพยาบาลกว่า 1,000 แห่งตั้งอยู่ในระยะ 10 กิโลเมตรจากแนวพรมแดนฝั่งที่ติดกับรัสเซีย แต่กระนั้นก็ยังไม่มีสัญญาณฉุกเฉินที่บ่งชี้ว่า ระบบสาธารณสุขของยูเครนจะล่มลงในเร็ววัน นับเป็นระบบที่มีความยืดหยุ่นมากพอสมควร โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้
ขณะที่ ดร.ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ของ WHO เผยว่า กองทัพรัสเซียโจมตีเจ้าหน้าที่ รถพยาบาล และสถานพยาบาลที่ได้รับการยืนยันแล้วอย่างน้อย 18 แห่ง เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 10 ราย บาดเจ็บอีกอย่างน้อย 16 ราย
โดยสถานพยาบาลส่วนใหญ่กำลังเผชิญกับปัญหาขาดแคลนกระแสไฟฟ้าใช้ ไม่มีน้ำสะอาดและเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อนระบบภายในสถานพยาบาล อีกทั้งผู้คนจำนวนมากก็กำลังเผชิญความท้าทายจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น จนนำไปสู่การเกิดภาวะตัวเย็นเกินไป (Hypothermia) และการถูกน้ำแข็งกัด ยังไม่นับรวมโรคทางเดินหายใจ และการรักษาโรคมะเร็ง โรคหัวใจ และปัญหาสุขภาพจิตที่ไม่ต่อเนื่อง ทางเดียวที่จะช่วยฟื้นฟูระบบสาธารณสุขคือ ยุติการทำสงครามโดยเร็ว
ล่าสุด ทางการยูเครนเผยว่า กองทัพรัสเซียทิ้งระเบิดใส่โรงพยาบาลเด็กในมารีอูปอล แม้ว่าก่อนหน้านี้ทางการรัสเซียระบุจะเปิดทางให้ประชาชนที่ติดอยู่ในเมืองมารีอูปอล และเมืองที่ถูกห้อมล้อมด้วยไฟสงครามเดินทางออกจากเมืองเหล่านั้นได้ แต่ทางการท้องถิ่นเมืองมารีอูปอลรายงานว่า โรงพยาบาลดังกล่าวถูกโจมตีทางอากาศหลายต่อหลายครั้ง ทางการยูเครนระบุ มีพลเรือนที่อยู่ท่ามกลางไฟสงคราม และไม่สามารถอพยพออกมาจากเมืองต่างๆ เหล่านั้นได้ราว 4 แสนราย
ภาพ: Fabrice Coffrini / AFP
อ้างอิง: