วานนี้ (8 มิถุนายน) ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครน ชี้ว่า สถานการณ์การสู้รบกันระหว่างกองกำลังพิเศษของยูเครนและกองทัพรัสเซียในเมืองเซียเวียโรโดเนตสก์ แคว้นลูฮันสก์ อาจตัดสินชะตากรรมของดอนบาส หรือภูมิภาคตะวันออกของยูเครน หลังจากที่เมืองดังกล่าวกลายเป็นสมรภูมิหลักของการเผชิญหน้ากัน
“นี่เป็นการสู้รบที่รุนแรงและยากลำบากมากๆ บางทีนี่อาจจะเป็นสมรภูมิที่ท้าทายที่สุดของสงครามในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ผมขอบคุณทุกคนที่ยังยืนหยัดต่อสู้ในแนวทางเดียวกัน ไม่แน่ว่าชะตากรรมของดอนบาสอาจถูกตัดสินที่สมรภูมิแห่งนี้ก็เป็นได้”
แม้ว่าจะสร้างความเสียหายให้กับกองทัพรัสเซียได้มากพอสมควร แต่จากรายงานท้องถิ่นของยูเครนพบว่า กองกำลังพิเศษของยูเครนเองก็ถูกไล่ต้อนไปอยู่แถบชานเมืองด้วยเช่นกัน หลังกองทัพรัสเซียโต้กลับ เดินหน้าโจมตีทางอากาศอย่างต่อเนื่อง ทางการท้องถิ่นชี้ คาดยังมีพลเมืองอยู่ในเมืองเซียเวียโรโดเนตสก์ รวมถึงเมืองใกล้เคียงอย่างลีซีชันสก์ราว 15,000 ราย
นอกจากนี้ผู้นำยูเครนยังแสดงความเห็นเกี่ยวกับข่าวลือที่กองทัพรัสเซียพยายามที่จะรวบรวมแรงสนับสนุนจากสโมสรฟุตบอลในเมืองหรือแคว้นที่ตนสามารถยึดครองพื้นที่ได้ในช่วงเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นโดเนตสก์ ลูฮันสก์ เคอร์ซอน เมลิโตโปล ไครเมีย รวมถึงบางส่วนของจอร์เจีย เพื่อจัดการแข่งขันกระชับมิตร
“การกระทำดังกล่าวถือเป็นการเสียดสีชาวยูเครน การหวนคืนสู่ความปกติสุขของยูเครนมีความหมายเดียวเท่านั้นคือ การคืนชีวิตที่ปกติสุขให้กับผู้คนในดินแดนเหล่านี้ ในเมืองเหล่านี้อีกครั้ง คืนสันติภาพ ความปลอดภัย และเปิดประตูเชื่อมกับประชาคมโลก และแน่นอนต้องรวมถึงการจัดแมตช์ฟุตบอลโดยทีมระดับโลกที่สนามกีฬาในดอนบาสอีกด้วย”
สงครามรุกรานยูเครนโดยกองทัพรัสเซียผ่านมานานกว่า 3 เดือนแล้ว เป็นเหตุให้มีผู้อพยพลี้ภัยออกนอกประเทศสูงกว่า 7.27 ล้านรายแล้วขณะนี้ โดยหน่วยงานสหประชาชาติยืนยันมีพลเรือนเสียชีวิตจากสงครามในครั้งนี้แล้วอย่างน้อย 4,253 ราย ขณะที่ตัวเลขคาดการณ์จากรัฐบาลยูเครนอาจพุ่งสูงถึง 27,500 ราย
ภาพ: Ukrainian Presidency / Handout / Anadolu Agency via Getty Images
อ้างอิง: