ย้อนกลับไปวันแรกที่โลกเรารู้จัก Bitcoin และเทคโนโลยีบล็อกเชน ทั้งสองอย่างเกิดขึ้นมาพร้อมกันด้วยคำถามที่ว่า รัฐหรือตัวกลางในระบบการเงินดูแลเงินเราได้จริงๆ หรือ? เราเชื่อว่าองค์กรเหล่านั้นทำให้เงินของเราไม่ใช่ของเราอีกต่อไป และสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนก็แสดงให้เห็นว่า การมีอยู่ของโลกคริปโตเคอร์เรนซีและเทคโนโลยีบล็อกเชนนั้นดีและสำคัญกับเรามากจริงๆ
- หลังการประกาศโจมตีจากรัสเซีย ประชาชนยูเครนพากันถอดเงินจากตู้ ATM และธนาคาร เพราะกลัวว่าเงินที่ตนเองมีอยู่จะไม่สามารถถอนออกได้ในอนาคต หลายคนโยกย้ายเงินเหล่านั้นไปซื้อเหรียญคริปโต โดยเฉพาะ BTC และ ETH แม้ว่าตอนนั้นตลาดซื้อขายคริปโตจะร่วงหนักก็ตาม
- หลังจากการโจมตีครั้งที่ 1 ยูเครนได้รับผลกระทบหนัก สัญญาณอินเทอร์เน็ตขาดหาย ระบบสื่อสารใช้การไม่ได้ในหลายพื้นที่ อีกทั้งนานาชาติก็ไม่ได้ให้ความช่วยเหลืออย่างที่คิด สิ่งที่ทำให้ยูเครนสามารถยืนหยัดสู่สงครามครั้งนี้ได้คือเงินทุนหล่อเลี้ยงที่มากเพียงพอ เมื่อพึ่งคนอื่นไม่ได้ รัฐบาลยูเครนจึงตัดสินใจประกาศขอรับบริจาคเงินสนับสนุนทหารยูเครนเพื่อสู้กับรัสเซียเป็นคริปโตสกุลเงิน BTC และ ETH ผ่านแอ็กเคานต์หลัก @Ukraine ทางทวิตเตอร์
- แน่นอนว่าชาวคริปโตพากันระดมเงินบริจาคอย่างคับคั่ง จนสามารถระดมทุนได้เกือบ 18 ล้านดอลลาร์ภายใน 48 ชั่วโมง แม้จะเป็นเงินจำนวนไม่มากนัก แต่ก็เป็นจำนวนเงินมากพอให้ทหารยูเครนต่อลมหายใจ และแน่นอนว่าเงินจำนวนนี้ไม่มีดอกเบี้ยและไม่จำเป็นต้องคืน
- การระดมทุนครั้งนี้ทำให้ชาวโลกเห็นว่าระบบบล็อกเชนและคริปโตนั้นมีประสิทธิภาพเพียงใด สามารถขนย้ายเงินจากทั่วโลกได้อย่างง่ายดาย รวดเร็ว และไม่จำเป็นต้องผ่านคนกลางใดๆ ซึ่งเงินในจำนวนดังกล่าว Elliptic บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านบล็อกเชน เปิดเผยว่ามีเงินยอดใหญ่ๆ จากการขาย NFT มากพอสมควร บางแอดเดรสบริจาคเงินถึง 1.86 ล้านดอลลาร์จากจำนวนเงินทั้งหมด
- ขณะเดียวกัน ทางฝั่งรัสเซียกำลังถูกนานาประเทศคว่ำบาตรทางการเงินด้วยการตัดรัสเซียออกจากเครือข่าย SWIFT ซึ่งทำให้การโอนเงินและการซื้อขายระหว่างประเทศหยุดชะงักลง ค่าเงินรูเบิลเริ่มลดต่ำลง ประชาชนและภาคเอกชนเริ่มหันมาสนใจถือคริปโตมากขึ้น จนกระทั่งล่าสุดธนาคารกลางรัสเซียได้ออกมาตรการตอบโต้ภาวะเงินเฟ้อ โดยเพิ่มอัตราดอกเบี้ยหลักเป็น 2 เท่า จาก 9.5% เป็น 20% นอกจากนี้ยังบังคับให้ภาคเอกชนแปลง 80% ของรายได้จากสกุลเงินต่างประเทศให้เป็นเงินของรัสเซีย ส่งผลให้เงินดิจิทัล USDT แข็งค่าขึ้น 30% และเงินรูเบิลอ่อนค่าลงไปอีก
- คนรัสเซียและยูเครนหันมาถือเหรียญคริปโตมากขึ้น มีรายงานจาก Cointelegraph ว่าปริมาณซื้อขาย Bitcoin และ Altcoin เพิ่มขึ้น 200% ในตลาดซื้อขายเหรียญคริปโตในยูเครน เช่นเดียวกับคนรัสเซียที่หันซื้อเหรียญคริปโตหลังจากที่รูเบิลอ่อนค่าลง
- นอกจากนี้ ทางฝั่งรัฐบาลยูเครน โดยเฉพาะ มิคาอิล เฟโดรอฟ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของยูเครน ได้พยายามเรียกร้องให้ Exchange ทั่วโลกร่วมมือกันแบนบัญชีของนักการเมืองและผู้ใช้งานชาวรัสเซียและเบลารุส เนื่องจากต้องการตัดเส้นทางการเงินของรัสเซียให้มากที่สุด ข้อเรียกร้องนี้เกิดคำถามแก่ชุมชนคริปโตมากมาย แม้เข้าใจว่า Exchange เหล่านี้เป็นระบบ Centralized แต่การแบนบัญชีผู้ใช้ก็เหมือนกับขัดหลักการทางการเงินของคริปโตซึ่งไม่เชื่อในคนกลาง แน่นอนว่าเหล่า Exchange เหล่านั้นปฏิเสธการแบน ทั้งยังบอกอีกว่า แค่สงครามก็ทำให้ประชาชนในรัสเซียลำบากมากพอแล้ว
- หันมาฟากประชาชนโลกคริปโต ไม่ว่าจะเป็นนักพัฒนา, ศิลปิน NFT รวมถึงเจ้าของ CEX ฯลฯ ต่างออกออกมากดดัน แสดงตัว และสนับสนุนยูเครนในวิธีการต่างกัน
- Pussy Riot, Trippy Labs, สมาชิก PleasrDAO เปิดตัว ‘Ukraine DAO’ เพื่อระดมทุนช่วยเหลือชาวยูเครน ผ่านองค์กรแบบ DAO ในระบบบล็อกเชน
- วิตาลิก บูเตริน หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Ethereum ซึ่งเป็นชาวรัสเซียเอง ก็ออกมาประณามการกระทำของรัสเซียผ่านทางทวิตเตอร์ พร้อมทั้งประกาศช่วยเหลือยูเครนผ่าน Ukraine DAO
- CZ เจ้าของ Binance ตลาดซื้อขายเหรียญคริปโต ออกมาบริจาคให้ยูเครนเป็นจำนวนเงิน 10 ล้านดอลลาร์ เป็นสกุลดิจิทัล
- แซม แบงก์แมน-ฟรายด์ ผู้ก่อตั้ง FTX ตลาดซื้อขายเงินคริปโต ทวีตว่าจะให้เงิน 25 ดอลลาร์แก่ชาวยูเครนทุกคนบนแพลตฟอร์ม
- นักลงทุนชาวยูเครน Artyom Fξdosov เปิดเผยทางทวิตเตอร์ว่า เขาอยู่รอดในสงคราม และโชคดีมากที่ตัวเองยังพอมีเงินในโลกคริปโตและการขาย NFT เนื่องจากบัตรเครดิตของตนเองถูกอายัดและเงินเก็บสูญหมดแล้ว
- นอกจากนี้ชาวคริปโตยังพากันลงทุนและสนับสนุนศิลปินชาวยูเครนผ่านการซื้อขาย NFT มีการรวมลิสต์ผ่านทางช่องทางต่างๆ มากมาย
- สื่อสัญชาติอเมริกัน The Washington Post เปรียบสงครามครั้งนี้ว่าเป็น ‘สงครามคริปโตครั้งแรก’ และยังบอกว่าอีกว่าไม่ใช่หนสุดท้าย สิ่งที่น่าสนใจครั้งนี้ คริปโตถูกใช้เป็นเครื่องมือในการระดุมทุนจากทั่วโลก เพื่อต่อสู่กับความขัดแย้งของทั้งสองประเทศ แม้ไม่ได้โดดเด่นจนเป็นผู้เล่นหลัก แต่ก็มีบทบาทและกลายเป็นช่องว่างให้มีการเคลื่อนย้ายเงินได้ มีการระดมทุนแบบ DAO มีการบริจาคเงินสกุลคริปโตผ่านระบบบล็อกนเชนที่มีประสิทธิภาพ มีการพยายามเจรจาหวาดล้อม และแซงก์ชันทางการเงินผ่าน CEX แม้ถูกปฏิเสธภายหลัง ประชาชนเลือกถือคริปโตเป็นทางออกในทางสังคมเป็นสัดส่วนมากขึ้นกว่าเดิม ยูเครนยังใช้เครื่องมือสื่อสารกับโลกในช่องทางใหม่ๆ ที่ชาวคริปโตนิยมใช้กัน ไม่ว่าจะเป็นทวิตเตอร์ หรือเทเลแกรม
- แม้เงินดิจิทัลจะมีความผันผวนสูง แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสงครามครั้งนี้ล้วนแสดงให้เห็นถึงประสิทธิและคุณประโยชน์ของคริปโตและบล็อกเชน พร้อมข้อเท็จจริงที่ว่า ‘เงินของเราไม่ใช่ของเรา’ เมื่อคนกลางมาเกี่ยวข้อง เหมือนกับที่ธนาคารกลางรัสเซียถูกแช่แข็งเงินกว่า 6.4 แสนล้านเหรียญดอลลาร์ ซึ่งเหตุการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าถูกเก็บไว้ในบล็อกเชน
ภาพ: Hannibal Hanschke, Sarah Silbiger /Getty Images
อ้างอิง:
- www.elliptic.co/blog/live-updates-millions-in-crypto-crowdfunded-for-the-ukrainian-military
- www.washingtonpost.com/technology/2022/02/25/cryptocurrency-ukraine-russia-war-impact
- https://updatefarmnews.com/ราคา-usdt-ในรัสเซีย-ทำสถิติพรีเมียมกว่า-30-แล้ว
- https://cointelegraph.com/news/bitcoin-climbs-to-41k-and-flippens-the-russian-ruble
- https://then24.com/2022/02/27/the-west-blocks-putins-piggy-bank-640000-million-in-foreign-currency-will-be-key-to-drowning-russia
- https://decrypt.co/93985/ukrainian-vice-prime-minister-calls-on-crypto-exchanges-to-ban-russian-users