เจ้าหน้าที่ของยูเครนเปิดเผยว่า รัสเซียได้ส่งโดรนหลายชุดเข้าโจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญหลายแห่งในกรุงเคียฟและพื้นที่ใกล้เคียงเมื่อวานนี้ (1 มกราคม) ส่งผลให้โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานเสียหาย รวมถึงทำให้เกิดไฟฟ้าดับในบางพื้นที่
กองทัพอากาศของยูเครนเปิดเผยว่า ระบบป้องกันภัยทางอากาศสามารถยิงสกัดโดรนชาเฮด (Shahed) ที่ผลิตในอิหร่านของรัสเซียได้ทั้งหมด 39 ลำ ซึ่งเจ้าหน้าที่ระบุว่าเป็น ‘การโจมตีครั้งใหญ่’ ที่เกิดขึ้นหลังเข้าปี 2023 ได้เพียง 1 วัน ขณะที่ทางการได้แจ้งเตือนประชาชนถึงสถานการณ์อันตรายที่เกิดขึ้นในค่ำคืนดังกล่าว ท่ามกลางเสียงการยิงทำลายโดรนที่ดังสนั่นไปทั่วเมือง โดยมีรายงานว่ามีพลเมืองคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บจากเศษชิ้นส่วนของโดรนที่ถูกทำลายด้วย
ทั้งนี้ เมื่อช่วงวันขึ้นปีใหม่ ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ได้กล่าวชื่นชมชาวยูเครนที่ต่างแสดงความขอบคุณต่อกองทัพที่ช่วยปกป้องประเทศ รวมถึงแสดงความขอบคุณต่อเพื่อนร่วมชาติทุกคนที่ยืนหยัด พร้อมประกาศว่า ความพยายามของรัสเซียจะต้องสูญเปล่า
“โดรน มิสไซล์ อาวุธทุกอย่าง ไม่มีอะไรสามารถช่วยรัสเซียได้ เพราะเรายืนหยัดเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ส่วนพวกเขารวมตัวกันก็ด้วยความกลัวเท่านั้น” เซเลนสกีกล่าว
บริดเจ็ต บริงค์ (Bridget Brink) เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำยูเครน ได้โพสต์ข้อความลงบนทวิตเตอร์ว่า “รัสเซียโจมตียูเครนอย่างเลือดเย็นและขี้ขลาดในช่วงเช้าตรู่ของปีใหม่ แต่ปูตินยังคงไม่เข้าใจว่าชาวยูเครนแข็งแกร่งดุจเหล็กกล้า”
อย่างไรก็ตาม หากย้อนดูการกล่าวสุนทรพจน์เมื่อช่วงวันขึ้นปีใหม่ของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซียนั้น เขาได้ส่งสัญญาณว่าจะไม่ลดการโจมตียูเครนลงเด็ดขาด ขณะที่สงครามได้ล่วงเลยกินเวลาเข้าสู่เดือนที่ 11 แล้ว
ภาพ: GENYA SAVILOV / AFP
อ้างอิง: