รัสเซียผิดนัดชำระหนี้พันธบัตรสกุลเงินต่างประเทศเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 100 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 1918 หลังจากไม่สามารถชำระคืนดอกเบี้ยพันธบัตรจำนวน 100 ล้านดอลลาร์ ได้ทันเส้นตายในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (26 มิถุนายน)
การผิดนัดชำระหนี้ของรัสเซียในครั้งนี้เป็นผลมาจากการที่สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป มีคำสั่งให้สถาบันการเงินของตัวเองคว่ำบาตรและปิดช่องทางการชำระหนี้ให้กับกลุ่มเจ้าหนี้ต่างประเทศของรัสเซีย เพื่อตอบโต้รัสเซียที่ใช้กำลังทหารรุกรานยูเครนยืดเยื้อมากว่า 4 เดือน
ในช่วงแรกของการคว่ำบาตร แม้ว่าสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรจะใช้มาตรการคว่ำบาตรทางการเงิน ยึดทรัพย์สิน และแช่แข็งเงินสำรองระหว่างประเทศ เพื่อลงโทษรัสเซียจากการรุกรานยูเครน แต่ก็ยังคงอนุญาตให้ธนาคารกลางรัสเซียชำระหนี้ผ่านธนาคารของสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรได้อยู่ อย่างไรก็ดี ข้อยกเว้นดังกล่าวได้สิ้นสุดลงในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม
ในสัปดาห์ท่ีผ่านมา รัสเซียได้ออกมาประกาศว่าจะชำระคืนหนี้ต่างประเทศจำนวน 4 หมื่นล้านดอลลาร์ เป็นเงินสกุลรูเบิลแทน พร้อมโจมตีสหรัฐฯ และพันธมิตรว่าจงใจบีบบังคับให้รัสเซียต้องผิดนัดชำระหนี้ เนื่องจากรัสเซียยังมีเงินดอลลาร์จากการขายน้ำมันเพียงพอในการชำระหนี้ดอกเบี้ยดังกล่าวได้
Anton Siluanov รัฐมนตรีคลังของรัสเซีย ออกมาพูดถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่า มันเป็นเรื่องตลกที่ชาติตะวันตกพยายามทำให้รัสเซียตกอยู่ในสถานะการผิดนัดชำระหนี้ ทั้งที่รัสเซียได้แสดงความประสงค์ชัดเจนว่าต้องการชำระหนี้และมีเงินเพียงพอ
“ใครอยากประกาศให้เราอยู่ในสถานะอะไรก็เป็นเรื่องของพวกเขา แต่คนที่เข้าใจสถานการณ์จริงๆ จะรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่การจงใจผิดนัดชำระหนี้” Siluanov ระบุ
แม้ว่ารัสเซียจะตกอยู่ในสถานะผิดนัดชำระหนี้แล้วในขณะนี้ แต่นักลงทุนที่เป็นเจ้าหนี้ของรัสเซียส่วนใหญ่ยังคงไม่มีปฏิกิริยาอะไรออกมา และเลือกจะเฝ้าดูสถานการณ์สงครามต่อไปด้วยความหวังว่ามาตรการคว่ำบาตรของรัสเซียอาจถูกผ่อนคลายลงในอนาคต เพราะในเอกสารสัญญาพันธบัตรมีข้อกำหนดว่าพวกเขายังมีสิทธิ์ขอรับผลตอบแทนคืนได้ภายใน 3 ปี นับจากวันที่ครบกำหนดชำระหนี้
อ้างอิง:
