รัสเซียเผชิญข้อกล่าวหาจากหลายประเทศว่า กำลังวางแผนโจมตีระบบไซเบอร์ของหน่วยงานหลายแห่งเพื่อล้วงข้อมูลเกี่ยวกับคดีที่มีความเกี่ยวโยงกับรัสเซีย ทั้งการสอบสวนคดีการใช้สารพิษโจมตีอดีตสายลับในอังกฤษ กรณีเครื่องบิน Malaysia Airlines ตกในยูเครน และการใช้สารกระตุ้นในวงการกีฬา
รายงานจากเนเธอร์แลนด์เผยว่า สายลับรัสเซีย 4 คนตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่ากำลังวางแผนแฮกระบบไซเบอร์ขององค์การห้ามอาวุธเคมี (OPCW) ซึ่งเป็นหน่วยงานชำนัญพิเศษที่กำลังสืบสวนคดีการใช้สารทำลายประสาทโจมตีอดีตสายลับรัสเซียในสหราชอาณาจักร
เจ้าหน้าที่ข่าวกรอง MIVD ของเนเธอร์แลนด์ระบุว่า ผู้ต้องสงสัยทั้ง 4 คนถือพาสปอร์ตทูต โดยที่ 2 คนในกลุ่มเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านไอที ส่วนอีก 2 คนเป็นสายลับ พวกเขาเช่ารถยนต์คันหนึ่งและขับไปจอดในโรงแรม Marriott ในเดอะเฮก ซึ่งอยู่ถัดจากสำนักงานของ OPCW เพื่อเตรียมแฮกระบบเครือข่าย Wifi ของ OPCW
ทางการเนเธอร์แลนด์ได้ยึดแล็ปท็อปของผู้ต้องสงสัยไปตรวจสอบและพบว่า คอมพิวเตอร์เคยถูกใช้งานในบราซิล สวิตเซอร์แลนด์ และมาเลเซีย
ในมาเลเซีย กลุ่มแฮกเกอร์พยายามจารกรรมข้อมูลการสืบสวนในคดีที่เครื่องบินเที่ยวบิน MH17 ของสายการบิน Malaysia Airlines ถูกยิงตกในยูเครนเมื่อปี 2014 โดยเหตุการณ์ครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิต 298 คน และมีหลักฐานบ่งชี้ว่าเครื่องบินลำนั้นอาจถูกยิงตกโดยอาวุธนำวิถีต่อสู้อากาศยานที่รัสเซียขายให้กลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนในยูเครน
รายงานข้างต้นสอดคล้องกับรายงานของศูนย์ความมั่นคงทางไซเบอร์ของสหราชอาณาจักรที่ระบุว่า แฮกเกอร์จากรัสเซียพยายามเจาะระบบคอมพิวเตอร์ของบริษัทหลายแห่งในรัสเซียและยูเครน รวมถึงสำนักงานของพรรคเดโมแครตในสหรัฐฯ และเครือข่ายโทรทัศน์ในสหราชอาณาจักร โดยอังกฤษเชื่อว่าหนึ่งในผู้ที่อยู่เบื้องหลังความพยายามเหล่านี้คือหน่วยข่าวกรองทางทหารของรัสเซีย หรือ GRU
ขณะที่กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ ระบุว่า นอกจาก OPCW แล้ว รัสเซียยังวางแผนโจมตีระบบไซเบอร์ของบริษัทนิวเคลียร์สหรัฐฯ และหน่วยงานต่อต้านการใช้สารต้องห้ามในวงการกีฬาทั้งในสวิตเซอร์แลนด์ บราซิล และสหรัฐฯ ด้วย
อย่างไรก็ตาม รัสเซียได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาเหล่านี้โดยระบุว่า เป็นกระแสคลั่งสายลับของชาติตะวันตก
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
