de Volkskrant หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นในเนเธอร์แลนด์ รายงานว่าหน่วยข่าวกรองรัสเซียและสายลับจากประเทศจีนอยู่เบื้องหลังการโจมตีทางไซเบอร์ขององค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (European Medicines Agency: EMA) เมื่อปีที่แล้ว โดยทาง de Volkskrant ได้อ้างอิงข้อมูลจากแหล่งข่าววงในที่เกี่ยวข้องกับการสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว EMA ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในเนเธอร์แลนด์ รายงานว่าหน่วยงานของพวกเขาได้เผชิญกับเหตุการณ์การโจมตีทางไซเบอร์ และส่งผลให้ข้อมูลเอกสารที่เกี่ยวข้องกับวัคซีนโควิด-19 และยาถูกโจรกรรมและนำไปเผยแพร่บนโลกออนไลน์อย่างไม่ปิดการเข้าถึง
โดยมีความเป็นไปได้ว่าแฮ็กเกอร์จากรัสเซียได้เข้าถึงฐานข้อมูลของ EMA มาเป็นเวลานานร่วมเดือน ซึ่งข้อมูลที่กลุ่มอาชญากรไซเบอร์ดังกล่าวต้องการตรวจสอบ เชื่อว่าน่าจะเป็นการพุ่งเป้าไปที่การตรวจสอบว่ามีกลุ่มประเทศใดบ้างที่ใช้งานวัคซีนโควิด-19 ที่พัฒนาขึ้นโดย Pfizer และ BioNTech แล้วกลุ่มประเทศเหล่านั้นเลือกซื้อวัคซีนในปริมาณเท่าใด
ทั้งนี้ ต่อกรณีการเปิดโปงของ de Volkskrant ทางรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซียไม่ได้ออกมาตอบโต้หรือให้ความเห็นเพิ่มเติมแต่อย่างใด เพียงแต่ออกมาปฏิเสธว่าพวกเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้นกับการโจมตีทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้น เช่นเดียวกันกับจีนที่ปฏิเสธจะให้ความเห็นใดๆ ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
โมนิกา เบนสเตทเตอร์ โฆษกหญิงของ EMA ระบุว่า “การดำเนินการสอบสวนทางอาญาด้วยการบังคับใช้กฎหมายโดยเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังดำเนินไปภายใต้ความร่วมมือของทุกฝ่ายอย่างเต็มกำลัง”
ด้านสื่ออย่าง Engadget มองว่าการโจมตีทางไซเบอร์ครั้งนี้ของรัสเซียและจีนดูจะไม่ใช่เรื่องที่ ‘น่าแปลกใจ’ แม้แต่น้อย โดยเฉพาะเมื่อวิเคราะห์จากประเด็นที่ทั้งสองประเทศต่างก็พัฒนาวัคซีนโควิด-19 ของตัวเองอย่าง Sputnik-V และ Sinovac ซึ่งก็เป็นไปได้ว่าทั้งสองประเทศอาจเข้าถึงชุดข้อมูลดังกล่าวก็เพื่อที่จะล่วงรู้ได้ว่ามีประเทศใดบ้างที่ต้องการจัดซื้อวัคซีนโควิด-19 เพิ่มอีก
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: