กองทัพรัสเซียเปิดเผยวานนี้ (23 พฤษภาคม) ว่า ได้ใช้เครื่องบินรบและปืนใหญ่ในการติดตามและสังหารกองกำลังยูเครนชาตินิยมกว่า 70 รายที่ปฏิบัติการบุกโจมตีข้ามชายแดนในภูมิภาคเบลโกรอด ทางตะวันตกเฉียงใต้ของรัสเซีย ติดกับชายแดนทางตอนเหนือของยูเครน เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (21 พฤษภาคม)
การโจมตีข้ามชายแดนดังกล่าวถือเป็นหนึ่งในการรุกรานจากยูเครนครั้งใหญ่ที่สุด นับตั้งแต่ที่รัสเซียเปิดฉากทำสงครามรุกรานยูเครนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว
โดยกองกำลังติดอาวุธจากยูเครนมีการปะทะกับกองกำลังทหารรัสเซียเป็นเวลากว่า 24 ชั่วโมง ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ 13 ราย ก่อนที่นักรบยูเครนจะถอนกำลัง
ซึ่งกระทรวงกลาโหมรัสเซียรายงานว่า กองทัพรัสเซียได้โอบล้อมกองกำลังของศัตรู ก่อนจะเอาชนะด้วยการโจมตีทางอากาศ ทั้งเครื่องบินรบและปืนใหญ่ ส่งผลให้นักรบยูเครนเสียชีวิตมากกว่า 70 ราย ทำลายรถหุ้มเกราะ 4 คัน และรถกระบะ 5 คัน
“กลุ่มชาตินิยมยูเครนที่เหลืออยู่ถูกไล่ต้อนจนถอยกลับไปทางดินแดนยูเครน โดยพวกเขายังถูกไล่ยิงด้วยปืน จนกระทั่งถูกกำจัดจนหมดสิ้น”
ทั้งนี้ ทางการรัสเซียเปิดเผยว่า ได้อพยพพลเรือนออกจาก 9 หมู่บ้าน ระหว่างการปะทะกับกองกำลังจากยูเครน ขณะที่มีพลเรือนหญิงเสียชีวิตระหว่างอพยพ 1 ราย และพลเรือนอีก 1 รายถูกสังหารในหมู่บ้านโคซินคา
เบื้องต้นมีกลุ่มติดอาวุธต่อต้านเครมลินที่มีฐานอยู่ในต่างประเทศอ้างว่า เป็นผู้รับผิดชอบการโจมตีข้ามชายแดนในเบลโกรอด
ขณะที่รัฐบาลยูเครน ซึ่งติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง แถลงยืนยันว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับปฏิบัติการโจมตีข้ามชายแดนดังกล่าว แต่ ดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดี และรองประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งรัสเซีย ตอบโต้การปฏิเสธของเคียฟว่าเป็นการโกหก และมองว่ากลุ่มผู้โจมตีทั้งหมดควรถูกกำจัด
ภาพ: Russian Defence Ministry / Handout via REUTERS
อ้างอิง: