เมื่อวานนี้ (28 กรกฎาคม) เจ้าหน้าที่ทางการรัสเซียให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวต่างประเทศอย่าง CNN ว่ารัสเซียตั้งเป้าเป็นประเทศแรกในโลกที่จะอนุญาตให้มีการใช้วัคซีนต้านโควิด-19 โดยทีมผู้ทดสอบและค้นคว้าวัคซีนจะย่นระยะเวลาลง ตั้งเป้าจะอนุมัติการใช้วัคซีนภายในวันที่ 10 สิงหาคมนี้ หรือภายในไม่ถึง 2 สัปดาห์ แม้หลายฝ่ายจะยังคงตั้งคำถามถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัย โดยแทบไม่มีโอกาสที่จะสำเร็จตามเป้าที่วางไว้ได้เลย
ทางด้าน คิริลล์ ดิมิเทรฟ ซีอีโอของกองทุน RDIF ที่จัดตั้งโดยรัฐบาลรัสเซีย ซึ่งมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนการคิดค้นและวิจัยวัคซีนต้านโควิด-19 ในประเทศ ระบุว่านี่คือ ‘สปุตนิกโมเมนต์’ โดยอ้างถึงความสำเร็จของรัสเซียเมื่อครั้งยังเป็นสหภาพโซเวียตที่ส่งสปุตนิก 1 ดาวเทียมดวงแรกของโลกขึ้นสู่วงโคจรโลกได้สำเร็จเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1957
“ชาวอเมริกันเคยประหลาดใจเมื่อพวกเขาได้ยินเรื่องราวความสำเร็จของสปุตนิก และจะเกิดขึ้นกับการอนุญาตใช้วัคซีนต้านโควิด-19 ในลักษณะเดียวกัน รัสเซียตั้งเป้าจะเป็นประเทศแรกให้ได้”
เบื้องต้นยังไม่มีการยืนยันหรือเผยประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีนที่คิดค้นขึ้นในรัสเซีย อีกทั้งวัคซีนดังกล่าวยังอยู่ในเฟส 2 การทดสอบในเฟสดังกล่าวยังไม่สมบูรณ์ แต่ถึงกระนั้นทีมผู้ผลิตก็เตรียมตั้งเป้าจะทดสอบเฟส 2 ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 3 สิงหาคมนี้ และเริ่มทดสอบเฟสที่ 3 ต่อทันที โดยจะทดสอบกับบุคลากรทางการแพทย์รวมถึงทหารในกองทัพ พร้อมทั้งให้เหตุผลว่าที่สามารถย่นระยะเวลาการทดสอบวัคซีนลงได้ เนื่องจากวัคซีนต้านโควิด-19 ของรัสเซียเป็นการพัฒนาต่อยอดจากวัคซีนที่ใช้รักษาโรคอื่นก่อนอยู่แล้ว
โดยดิมิเทรฟยังยืนยันว่าทางทีมผู้ผลิตไม่เพียงแต่มุ่งจะเป็นประเทศแรกที่อนุญาตให้ใช้วัคซีนต้านโควิด-19 อย่างแพร่หลาย แต่ยังให้ความสำคัญกับการรักษาและปกป้องชีวิตผู้คนด้วย ล่าสุดรัสเซียถือเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสมมากที่สุดเป็นอันดับที่ 4 ของโลก (ราว 8.23 แสนราย) รองจากสหรัฐอเมริกา บราซิล และอินเดีย โดยทำการตรวจหาเชื้อไปแล้วกว่า 27.3 ล้านตัวอย่างตลอด 7 เดือนที่ผ่านมา
ภาพ: Sechenov Medical University Press Office / TASS via Getty Images
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: