วันนี้ (19 กุมภาพันธ์) ที่อาคารรัฐสภา เกียกกาย คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน ที่มี ปิยบุตร แสงกนกกุล เป็นประธาน ได้เชิญ พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มาชี้แจงกรณีการบังคับใช้กฎหมายกับผู้จัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุงทั่วประเทศ ที่มีผู้จัดบางจังหวัดถูกดำเนินคดี และถูกคุกคามจากตำรวจ แต่บางจังหวัดจัดกิจกรรมได้โดยไม่ถูกดำเนินคดี จึงต้องการความชัดเจนของการปฏิบัติหน้าที่
ขณะที่ พรรณิการ์ วานิช และ รังสิมันต์ โรม ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ สอบถามถึงแนวทางปฏิบัติของตำรวจในแต่ละจังหวัด ที่ปฏิบัติไม่เหมือนกันกับผู้จัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุง ที่บางพื้นที่ถูกห้ามไม่ให้สวมเสื้อกิจกรรม บางพื้นที่ไม่อนุญาตให้ใช้พื้นที่ แต่บางพื้นที่จัดได้โดยไม่มีปัญหา พร้อมกับตั้งคำถามถึงการทำงานของตำรวจว่ามีนายทหารชั้นผู้ใหญ่เข้ามาแทรกแซงสั่งการให้ดำเนินคดีเฉพาะกิจกรรมวิ่งไล่ลุงหรือไม่ พร้อมเปรียบเทียบกับกิจกรรมที่ลักษณะคล้ายกันว่า ท่าทีของตำรวจไม่เคยตั้งแง่หรือมองเป็นลบกับกิจกรรมวิ่งไล่ลุง และตั้งคำถามถึงความเป็นกลางของตำรวจด้วย
ขณะที่ พล.ต.อ. จักรทิพย์ ยืนยันว่าไม่มีฝ่ายทหารชั้นผู้ใหญ่เข้ามาแทรกแซงการทำงาน ส่วนการชุมนุมได้ให้นโยบายดูแลความปลอดภัยเป็นหลัก เพื่อป้องกันมือที่สามหรือผู้ก่อกวน ยืนยันตำรวจไม่ใช่คู่ขัดแย้ง จึงขออย่าสงสัยตัวเองว่าอยู่ฝ่ายใด และอย่าสงสัยในความเป็นกลางของตำรวจ เพราะสิ่งที่ตำรวจไม่อยากเห็นคือความวุ่นวาย ไม่อยากให้เกิดการปะทะกัน พล.ต.อ. จักรทิพย์ ยังระบุด้วยว่า วันนี้ตัวเองจะไม่มาชี้แจงก็ได้ แต่ก็มาเพื่อทำหน้าที่และพร้อมชี้แจงได้หมดทุกเรื่อง
พล.ต.อ. จักรทิพย์ กล่าวต่ออีกว่า กรณีการชุมนุมวิ่งไล่ลุง ตัวเองติดตามสังเกตมาตลอด มีการใช้คำหรือแปรสภาพจากการชุมนุมมาเป็นการวิ่ง ซึ่งตนก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ขอให้อยู่ในขอบเขตกฎหมาย ส่วนการบังคับใช้ พ.ร.บ. การชุมนุมในที่สาธารณะ ก็เป็นเพราะเรามีบทเรียน และถอดบทเรียนการชุมนุมเสื้อเหลืองเสื้อแดงมาแล้ว
ด้าน พล.ต.อ. สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. ระบุว่า ตำรวจมีหน้าที่เข้าไปดูแลความเรียบร้อยของการจัดกิจกรรมและหาข่าว ส่วนที่อ้างว่ามีการเข้าไปกดดันจะต้องไปตรวจสอบเป็นรายกรณี แต่โดยหลักเชื่อว่าเจ้าหน้าที่เข้าไปหาข้อมูลตามหน้าที่ “ส่วนเรื่องที่จะทำผิดกฎหมายคิดว่าตำรวจคงไม่ทำ ยืนยันว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ได้สั่งการอะไรมากกว่าการให้ตำรวจลงไปทำหน้าที่ตามกฎหมาย แต่ข้อเท็จจริง ในบางพื้นที่อาจแตกต่างกันบ้าง ขณะที่แผนการเข้าดูแลผู้ชุมนุมอาจต้องทบทวนใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ. ชุมนุม ส่วนแนวปฏิบัติการเข้าพูดคุยกับผู้จัดชุมนุม หรือจัดกิจกรรมเคยมีเป็นของเก่า ซึ่งใช้วิธีการเจรจาในทุกพื้นที่ที่จัดกิจกรรม และต้องแจ้งขอชุมนุม ส่วนกรณีใดที่ผู้จัดกิจกรรมมองว่าถูกคุกคามก็ต้องพูดคุยกันเป็นกรณีไป” พล.ต.อ. สุวัฒน์ กล่าวในที่สุด
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
