การบ้าน 5 ข้อของกุนซือน้องใหม่ รูเบน อโมริม THE STANDARD

“ผมตั้งใจอยากจะนำแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับไปสู่จุดที่ควรจะเป็น”

นี่คือคำพูดที่อาจบอกได้ว่าเป็นเหมือนคำมั่นสัญญาจาก รูเบน อโมริม นายใหญ่คนใหม่ของทีม ‘ปีศาจแดง’ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เตรียมจะคุมทีมลงสนามอย่างเป็นทางการนัดแรกในศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ซึ่งก็เป็นเรื่องบังเอิญดีที่จะพบกับอิปสวิช ทาวน์ ใต้การนำของ คีแรน แมคเคนนา อีกหนึ่งแคนดิเดตที่เคยมีข่าวกับตำแหน่งนี้มาก่อน

แน่นอนว่าสิ่งที่ ‘Head Coach’ คนแรกในประวัติศาสตร์ของแมนฯ ยูไนเต็ด ต้องจัดการมีเยอะแยะมากมายเป็นพะเรอเกวียน แต่มีอยู่ 5 สิ่งสำคัญที่ถือว่าเป็นการบ้านสำหรับเขาที่จะต้องทำให้ได้

การบ้าน 5 ข้อของอโมริมมีอะไรบ้าง?

บทวิเคราะห์งานของอโมริมมีมากมาย แต่หนึ่งในบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจคือบทวิเคราะห์จาก premierleague.com ที่มองการบ้านของกุนซือคนหนุ่มวัย 39 ปีได้อย่างเฉียบแหลม

เริ่มตั้งแต่อย่างแรก

Identity กำหนดอัตลักษณ์ของทีม

สิ่งที่ทุกคนคาดหวังจากโค้ชคนรุ่นใหม่มากที่สุดย่อมหนีไม่พ้นเรื่องของการกำหนด Identity หรือการกำหนดตัวตนของทีม

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยุคของอโมริม จะเป็นทีมที่เล่นฟุตบอลแบบไหน?

จะเป็นทีมที่เล่นบอลคอนโทรลในแบบเดียวกับลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือจะเป็นทีมที่เน้นเกมรับที่แข็งแกร่ง เจาะยาก และฉวยโอกาสแบบอาร์เซนอล หรือจะเป็นทีมที่รวดเร็ว ปราดเปรียว ปรู๊ดปร๊าดในแบบเชลซี หรือจะเป็นทีมที่เล่นลื่นไหลสวยงาม เน้นเกมบุกรุกอย่างเดียวแบบท็อตแนม ฮอตสเปอร์

อโมริมเป็นหนึ่งในโค้ชรุ่นใหม่ของวงการที่มี ‘ลายเซ็น’ ของตัวเองค่อนข้างชัดเจนจากการทำทีมสปอร์ติง ลิสบอน ในระบบการเล่นแบบ 3-4-3 ที่มีการเพรสซิงหนักหน่วงเพื่อชิงบอลกลับมาเล่นในแดนของคู่แข่ง หรือหากได้ครองบอลในแดนตัวเองก็จะค่อยๆ เซ็ตบอลทำเกมขึ้นมา

แต่นั่นเป็นเรื่องอดีตไปแล้ว ที่แมนฯ ยูไนเต็ด เขาต้องพยายามบอกให้ได้ว่าอยากให้ทีมเล่นแบบไหน ซึ่งที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็น เอริก เทน ฮาก, โอเล กุนนาร์ โซลชาร์, โชเซ มูรินโญ, หลุยส์ ฟาน กัล หรือ เดวิด มอยส์ ต่างล้มเหลวในการกำหนดอัตลักษณ์ตัวตน

และนี่คือการบ้านข้อแรกสำหรับอโมริม

สานต่องานของเทน ฮาก

ถึงเอริก เทน ฮาก จะไม่ได้รับการชื่นชมสักเท่าไรนักตลอดระยะเวลา 2 ปีเศษในการคุมทีมแมนฯ ยูไนเต็ด แต่อย่างน้อยนอกจากผลงานการคว้าแชมป์ 2 ใบ (ลีกคัพและเอฟเอคัพ) สิ่งที่อดีตผู้จัดการทีมชาวดัตช์ส่งมอบต่อไว้ให้เป็นมรดกสำหรับอโมริมนั้นมีอยู่

สิ่งนั้นคือ ‘เกมรับ’ ที่พัฒนาขึ้นอย่างเงียบๆ

เรื่องนี้ตรวจสอบเบื้องต้นได้จากค่าสถิติ Expected Goals Against (xGA) ที่จะเป็นตัวบ่งบอกว่าแต่ละทีมคาดการณ์ว่าจะเสียประตูเท่าไรในแต่ละนัด ซึ่งในฤดูกาลนี้ (2024/25) ตัวเลขลดลงจากฤดูกาลที่แล้ว (2023/24)

จาก 1.84 ลงมาอยู่ที่ 1.56 ต่อ 90 นาที

แต่สิ่งที่ตัวเลขสถิติไม่ได้บอกคือวิธีการเล่นเกมรับของแมนฯ ยูไนเต็ด ตอนนี้เริ่มเปลี่ยนแปลง โดยในช่วงท้ายของการคุมทีมที่โอลด์แทรฟฟอร์ด เทน ฮาก ปรับแท็กติกขยับไลน์เกมรับให้สูงขึ้น ใช้ประโยชน์จากผู้เล่นที่คล่องตัวสูงอย่าง นูสแซร์ มาซราอุย

มี 3 นัดที่ยูไนเต็ดเล่นในแบบนี้และตัวเลขค่า xGA ลดลงต่ำกว่า 1 คือวันที่พบกับแอสตัน วิลลา (0.50), เบรนท์ฟอร์ด (0.86) และฟูแลม (0.44)

การยืนรับสูง (High Line) จึงเป็นมรดกของเทน ฮาก ที่อโมริมจะสามารถนำมาใช้ต่อได้ในยุคของเขาโดยที่ไม่ต้องปรับตัวมากนัก

ถึงเวลาอูการ์เต

ปมในใจของเทน ฮาก อดีตผู้จัดการทีม คือการที่เขาไม่เคยได้นักเตะที่ต้องการตัวมากที่สุดอย่าง แฟรงกี เดอ ยอง มาร่วมทีม

ในความรู้สึกแล้ว ด้วยความสามารถของกองกลางที่ครบเครื่องมาม่าต้มยำโอ้โห (โปะไข่ดาวหนึ่งฟอง) ของเดอ ยอง น่าจะเป็นคีย์แมนคนสำคัญในระบบการเล่นที่วาดหวังไว้ว่าจะทำให้แมนฯ ยูไนเต็ด เล่นได้สวยงามและลื่นไหลในแบบเดียวกับที่เคยทำได้กับทีมอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม มาก่อน

แต่ข่าวดีสำหรับอโมริมคือการที่เทน ฮาก และฝ่ายบริหารของสโมสรไปคว้าตัว มานูเอล อูการ์เต มาจากปารีส แซงต์ แชร์กแมง ในช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมา

อูการ์เตสำหรับอโมริม ก็คือเดอ ยอง สำหรับเทน ฮาก นั่นเอง

กองกลางทีมชาติอุรุกวัยเป็นหัวใจสำคัญของทีมสปอร์ติง ลิสบอน ชุดคว้าแชมป์โปรตุเกสฤดูกาล 2022/23 ด้วยสไตล์การเล่นในแบบฮาร์ดแมน เข้าปะทะตัดบอลได้ถึง 178 ครั้งตลอดฤดูกาล เก่งในเรื่องของการเพรสซิงสูง และขยันปิดช่องพื้นที่ตรงกลาง ซึ่งแน่นอนว่าอโมริมรู้มือเป็นอย่างดี

คาดหวังได้เลยว่ากองกลางจอมบู๊รายนี้จะเป็นหนึ่งในคีย์แมนได้อย่างแน่นอน โดยที่เหลือคือการจับคู่ในแดนกลางให้เท่านั้น ซึ่งตัวเลือกตอนนี้มีทั้ง ค็อบบี เมนู, คาเซมิโร รวมถึง คริสเตียน อีริกเซน ให้เลือกใช้

แต่จะดีที่สุดถ้าเป็นเมนู หายกลับมานะ

ปลดปล่อยฮอยลุนด์

การมาของอโมริมนั้นมาพร้อมกับเสียงอื้ออึงว่าแมนฯ ยูไนเต็ด ควรจะไปสอย วิกเตอร์ ยอเคอเรส ศูนย์หน้ามหาประลัยของสปอร์ติง ลิสบอน ที่เป็นกองหน้าคู่บุญของกุนซือคนหนุ่มมาด้วย

แต่จะผิดไหมถ้าจะบอกว่ายอเคอเรสไม่ใช่เรื่องจำเป็นสำหรับทีมปีศาจแดง เพราะอโมริมถือลูกระเบิดเอาไว้ในมืออยู่แล้ว

ลูกระเบิดที่ว่าคือ ราสมุส ฮอยลุนด์ ที่ยังไม่สามารถแจ้งเกิดได้อย่างเต็มตัวนับตั้งแต่ย้ายมาจากอตาลันตาด้วยค่าตัวมหาศาลถึง 72 ล้านปอนด์เมื่อฤดูกาลที่แล้ว

ปัญหาส่วนหนึ่งมาจากเรื่องอาการบาดเจ็บที่ตามรังควานจนทำให้ฮอยลุนด์แทบไม่ได้โอกาสลงสนามต่อเนื่อง หรือบางครั้งฟอร์มกำลังเริ่มดีก็มีอันต้องไปเก็บตัวอยู่ในห้องพยาบาลทุกครั้ง แต่อีกส่วนของปัญหามาจากระบบการเล่นของทีมที่ไม่เอื้อให้ผลิตผลงานที่ดีได้

จะให้ทำประตูได้อย่างไรในเมื่อแทบไม่ได้รับการสร้างสรรค์โอกาสที่ดีจากเพื่อนๆ เลย?

ดังนั้นก่อนจะฝันถึงยอเคอเรส อโมริมมีการบ้านที่ต้องถอดสลักที่ชื่อฮอยลุนด์ แล้วโยนลงไปทิ้งที่หน้าประตูทีมคู่แข่งก่อน

ถ้าครึ่งปีนับจากนี้ระเบิดยังด้านอยู่ก็ค่อยว่ากัน

อย่าทิ้งขว้างแรชฟอร์ดและบรูโน

ท่ามกลางนักเตะของดีมากมายในทีมแมนฯ ยูไนเต็ด จะมีอยู่ 2 คนที่โดนถล่มหนักไม่น้อยในยามที่ผลการแข่งขันของทีมไม่เป็นใจ

หนึ่งคือ มาร์คัส แรชฟอร์ด Local Hero ที่ควรจะได้รับการเชิดชูยกย่องมากกว่านี้ แต่ 2 ปีที่ผ่านมากลายเป็นนักฟุตบอลที่ผลงานในสนามตกต่ำอย่างน่าใจหาย และคล้ายจะหมดไฟในการเล่นฟุตบอล

อีกหนึ่งคือ บรูโน เฟอร์นานเดส กัปตันทีมที่ถูกหาว่าใช้เสียงในการตะโกนโวยวายมากกว่าการพยายามทำอะไรสักอย่างเพื่อเปลี่ยนแปลงผลการแข่งขันให้ทีม

จะบอกว่า 2 คนนี้ไม่สมควรโดนวิจารณ์ก็ไม่ใช่ เพราะเล่นกันไม่ค่อยได้เรื่องจริง ไม่ใกล้เคียงกับความคาดหวังและเงินค่าตอบแทนที่ได้รับเลย แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าอโมริมควรจะทิ้งขว้างทั้ง 2 คนไปจากทีมอย่างสิ้นเชิงเลย

เพราะในความเป็นจริงแล้วแรชฟอร์ดและบรูโนเป็น 2 ผู้เล่นที่มีฝีเท้าใกล้เคียงระดับอินเตอร์ เป็นคนที่สามารถเปลี่ยนแปลงผลการแข่งขันให้กับทีมได้ด้วยตัวเองด้วยพรสวรรค์การเล่นที่สูงส่ง และยังมีประโยชน์กับทีมได้อย่างแน่นอน

เพียงแต่ในระบบการเล่น 3-4-3 อโมริมจะหาที่หาทางให้ 2 คนนี้ได้หรือไม่ จะหาวิธีทำให้ทั้ง 2 คนเล่นในสไตล์ที่ต้องการเจอหรือไม่ เป็นงานช้างที่จะวัดฝีมือของเขาอย่างแน่นอน

และนี่คือการบ้าน 5 ข้อใหญ่สำหรับรูเบน อโมริม ในการกอบกู้แมนฯ ยูไนเต็ด พาทีมกลับไปสู่จุดเดิมให้ได้

มารอดูกัน เริ่มจากเกมแรกในวันอาทิตย์นี้ในการไปเยือนอิปสวิชที่พอร์ตแมนโรดเลย!

อ้างอิง: