“ก่อนอื่น ผมอยากขอโทษสำหรับฤดูกาลนี้ ผมรู้ว่าพวกคุณผิดหวังกับผมและทีมเป็นอย่างมาก”
นี่คือคำพูดของ รูเบน อโมริม ที่ยืนอยู่กลางวงกลมสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด หลังพาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดคว้าชัยส่งท้ายฤดูกาล 2024/25 พร้อมกล่าวสุนทรพจน์ต่อหน้าแฟนบอลด้วยน้ำเสียงจริงใจและเจือความหวัง
“ผมอยากจะขอบคุณ พวกเราซาบซึ้งในแรงสนับสนุนที่พวกคุณมีให้ตลอดฤดูกาล ผมรู้ว่ามันยากมากในหลายๆ เกม
“ตอนนี้เราต้องเลือก เราจะติดอยู่กับอดีตหรือไม่ เพราะฤดูกาลนี้ได้ผ่านไปแล้ว มันจบแล้ว
“เราจะสู้กันเอง หรือเราจะจับมือกันแล้วเดินหน้าต่อไป
“หกเดือนก่อน ผมเคยบอกว่า ‘พายุใหญ่กำลังมา’
“วันนี้ หลังจากฤดูกาลที่เลวร้ายนี้ ผมอยากบอกพวกคุณว่า ‘วันที่ดี กำลังจะมาถึง’
“ถ้ามีสโมสรใดในโลกที่เคยพิสูจน์ให้เห็นว่าสามารถผ่านพ้นสถานการณ์เลวร้ายหรือหายนะได้ มันก็คือสโมสรของเรา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
“ขอบคุณมาก แล้วเจอกันฤดูกาลหน้า”
แม้คำพูดของอโมริมจะเปี่ยมด้วยพลัง แต่บรรยากาศในสนามยังคงสะท้อนความไม่พอใจของแฟนบอลต่อตระกูลเกลเซอร์ เจ้าของสโมสร โดยมีเสียงตะโกน “Glazers out!” ดังขึ้นอีกครั้งระหว่างการเดินขอบคุณแฟนบอลของนักเตะ
อโมริมชี้แจงกับสื่อในเวลาต่อมาว่า “มันคือทุกอย่าง เราโทษกันไปมาในยามลำบาก เป็นเรื่องธรรมดาของครอบครัว แต่เราต้องเดินไปด้วยกัน แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น”
ปฏิกิริยาของแฟนบอลหลังจบเกมนัดปิดฤดูกาล ค่อนข้างชัดเจนว่า มีจำนวนไม่น้อยยังไม่เชื่อมั่นในทิศทางใหม่ของสโมสร
ถึงแม้อโมริมจะพยายามสื่อสารในเชิงบวก แต่ความรู้สึกของแฟนบอลหลายส่วนยังคงสับสนและไม่พอใจ ตั้งแต่การลดสิทธิ์แฟนรุ่นเก่า การย้ายที่นั่งเพื่อสร้างพื้นที่ VIP การตัดสิทธิ์ผู้ถือตั๋วปีที่ไม่มาเชียร์ครบจำนวน และกระแสไม่ไว้วางใจที่เริ่มพุ่งเป้าไปยัง เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ ผู้ถือหุ้นรายใหม่
อีกทั้งปัญหาทางการเงินที่เกิดจากยุคเกลเซอร์ก็ยังตามหลอกหลอน เพราะตามข้อมูลจาก Swiss Ramble พบว่า แมนฯ ยูไนเต็ดจ่ายดอกเบี้ยไปแล้วมากกว่า 738 ล้านปอนด์ ในยุคเกลเซอร์ และมีหนี้สะสมเกิน 1.1 พันล้านปอนด์ เมื่อรวมการชำระค้างชำระต่างๆ
ขณะเดียวกัน หลังจบเกมในสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ดนัดนี้ ถือเป็นสัญญาณที่สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า แมนฯ ยูไนเต็ด กำลังเดินหน้าเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่
นักเตะมากประสบการณ์อย่าง วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ, คริสเตียน อีริคเซน และ จอนนี อีแวนส์ ได้รับการขอบคุณอย่างเป็นทางการจากแฟนบอล หลังสโมสรยืนยันว่าทั้ง 3 คนจะหมดสัญญาและอำลาทีมในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการรีเซ็ตทีมครั้งสำคัญ
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นของ อเลฮานโดร การ์นาโช ที่เป็นเครื่องหมายคำถามในหมู่แฟนบอล เมื่อเจ้าตัวยืนหน้าสตรีตฟอร์ด เอนด์ พร้อมแฟนสาว ท่ามกลางกระแสข่าวว่าเกมนี้คือ ‘นัดสุดท้าย’ ในสีเสื้อยูไนเต็ด หลังจากไม่ถูกใส่ชื่อในทีมอีกครั้ง
โดยอโมริมยืนยันเพียงสั้นๆ ว่า “การ์นาโชยังเป็นนักเตะของยูไนเต็ด แต่วันนี้ไม่ได้อยู่ในทีม และผมยังไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร”
ทั้งหมดนี้สะท้อนว่า ยูไนเต็ดกำลังเผชิญจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ ทั้งในแง่โครงสร้างทีม งบประมาณ และความสัมพันธ์ภายใน
และทั้งหมดก็เกิดขึ้นหลังจากฤดูกาลที่ถูกจดจำในฐานะ ฤดูกาลที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ตกชั้นในปี 1973-74 (หรือ 51 ปีที่แล้ว) เมื่อแมนฯ ยูไนเต็ดจบด้วยอันดับ 15 ของตารางพรีเมียร์ลีก
ฤดูกาลนี้อาจจะจบลงอย่างน่าเจ็บปวดใจสำหรับทัพปีศาจแดง แต่การฟื้นฟูแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่อโมริมคาดหวัง..เพิ่งเริ่มต้น
อ้างอิง: