วันนี้ (14 กุมภาพันธ์) พล.อ.อ. พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ให้สัมภาษณ์กรณีการดูแลพื้นที่ตามแนวชายแดน หลังรัฐบาลมีนโยบายการปราบปรามยาเสพติด ว่า กองทัพอากาศปฏิบัติตามกฎหมายอยู่แล้ว เรามีการแจ้งเตือนให้หน่วยบินสกัดกั้น หากเห็นว่ามีอากาศยานไม่ทราบฝ่ายมีทิศทางเขามาในประเทศเรา ก็จะสั่งเครื่องบินขึ้นสกัดกั้น
ตอนนี้ฝั่งตะวันตกจะใช้เครื่องบินจากกองบิน 4 ฝูงบิน 403 เครื่องบิน F-16 สามารถบินขึ้นภายใน 5 นาที ซึ่งเรามีความพร้อมในการปฏิบัติภารกิจทั้งกลางวันและกลางคืน ที่ผ่านมามีข่าวให้เห็นว่ามีการบินเข้ามาในทิศทางประเทศเราประมาณ 5 ไมล์ จึงได้สั่งให้บินสกัดกั้นและบินลาดตระเวนต่อ เพราะเรามองว่าอธิปไตยเหนือน่านฟ้าเป็นของเรา ซึ่งได้มีการแจ้งเตือนและป้องปราม
ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนจะมีการตัดไฟฟ้าในประเทศเมียนมา ซึ่งเราได้มีการพูดคุยกับผู้บัญชาการทหารอากาศของเมียนมาในเรื่องของชายแดนตลอดเวลา แต่สุดท้ายเราก็คงต้องมองในเรื่องอธิปไตยของเรา คือเราคงไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวอะไรมากนัก แต่ถ้ามีอะไรที่รุกล้ำเข้ามา เราคงต้องมีการปฏิบัติภารกิจตามหน้าที่ของเรา
ส่วนการลาดตระเวนในพื้นที่ของกองบิน 3 ผบ.ทอ. กล่าวว่า เรามีอากาศยานไร้นักบิน (ยูเอวี) รุ่นแอร์โรสตาร์ และเพิ่งมีโดรนพลังงานแสงอาทิตย์ M Solar-X ที่ผลิตขึ้นเองเข้าประจำการก็จะนำขึ้นไปลาดตระเวน ถ่ายภาพและส่งกลับมาให้กองกำลังภาคพื้น ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการประสานงานปฏิบัติภารกิจกับกองกำลังบูรพา ในการถ่ายภาพตามพื้นที่แนวชายแดน รวมถึงการแก้ปัญหาช้างป่าที่ออกนอกเส้นทางให้กลับมาอยู่ในเส้นทางที่ปลอดภัยไม่ไปทำร้ายรบกวนชาวบ้าน
ทั้งนี้ มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พบเครื่องบิน YAK-130 ของเมียนมาบินเข้าใกล้ชายแดนในระยะ 5 ไมล์ บริเวณอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก แต่ไม่ได้ล้ำแดนเข้ามา ทางกองทัพอากาศไทย จึงได้ส่งเครื่องบินรบ F-16 ขึ้นสกัดกั้น เพื่อป้องปรามและเตือนไปยังเมียนมา ป้องกันไม่ให้เกิดการสู้รบ
