วันนี้ (9 กรกฎาคม) พล.อ. สันติพงศ์ ธรรมปิยะ เสนาธิการทหารบก ในฐานะโฆษกกองทัพบก (ทบ.) กล่าวถึงมาตรการเฝ้าระวังพื้นที่ชายแดนด้านตะวันตกทางบก ช่วงปะทะของกองกำลังประเทศเพื่อนบ้าน หลังเกิดเหตุเครื่องบินรบเมียนมาล้ำแดน ว่า กองทัพบกมีกองกำลังป้องกันชายแดน 7 กองกำลัง ซึ่งทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในการป้องกันภาคพื้นดิน โดยกำลังในการเฝ้าตรวจลาดตระเวน ป้องกันสกัดกั้น เมื่อมีสถานการณ์เกิดขึ้นเราจะอำนวยการให้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นคลี่คลายเร็วที่สุด
ส่วนพื้นที่ชายแดนด้านตะวันตกที่มีการสู้รบของประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะจังหวัดแม่ฮ่องสอนและจังหวัดตาก มีคณะกรรมการประสานงานชายแดนระดับกองทัพภาค และในระดับท้องถิ่นพูดคุยกันตลอดเวลา หากมีสถานการณ์เกิดขึ้นในพื้นที่ใดก็ตาม คณะกรรมการจะมีการพูดคุยกันเสมอ เช่น เหตุการณ์สู้รบในประเทศเพื่อนบ้านมีประชาชนบางส่วนที่ได้รับผลกระทบข้ามเข้ามาในพื้นที่ปลอดภัย ฝั่งไทยก็จะมีการดูแลด้านมนุษยธรรม ให้ที่พักพิงชั่วคราว เมื่อสถานการณ์คลี่คลายแล้วคนเหล่านั้นก็กลับไป
และถ้ามีกระสุนหรือการปฏิบัติที่ล้ำแดนเกิดขึ้น สิ่งสำคัญคือได้มีการพูดคุยกัน แจ้งเตือนกันโดยการประสานงาน และการยิงแจ้งเตือนว่านี่คือการล้ำแดนแล้ว เช่น การยิงกระสุนควัน เขาก็จะเห็นและเข้าใจ ต้องระมัดระวังมากขึ้น และให้ความร่วมมือกับไทย ซึ่งกระบวนการเหล่านี้คือสิ่งที่ดำเนินการมาตลอด เพื่อให้ประชาชนและพื้นที่ชายแดนปลอดภัยที่สุด
ส่วนการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ทหารได้มีการกำชับให้ระมัดระวังอย่างไร พล.อ. สันติพงศ์ กล่าวว่า ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ย้ำเป็นประจำว่าทุกอย่างต้องเรียบร้อย ต้องดี ประชาชนต้องปลอดภัยตลอดแนวชายแดน ส่วนผู้หนีภัยจากการสู้รบที่ข้ามมาฝั่งจังหวัดตากในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ยอดรวมกว่า 200 คน แต่เป็นลักษณะเข้าๆ ออกๆ ถือว่าตัวเลขไม่มากนัก
ส่วนแรงงานข้ามแดนนั้น เมื่อรัฐบาลมีมติคณะรัฐมนตรีออกมา ทำให้การเข้ามาของประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งไม่ใช่แค่จากเมียนมา แต่มี สปป.ลาว และกัมพูชาด้วย เป็นไปอย่างถูกต้อง ส่วนทหารก็อำนวยความสะดวก ทำให้ผู้หลบหนีเข้าเมืองน้อยลง