ถึงจะยังเด็กมากเพราะอายุยังไม่ถึง 5 ขวบดี แต่ความทรงจำเกี่ยวกับเกมฟุตบอลนัดชิงชนะเลิศในคืนนั้นเป็นสิ่งที่ โรเมลู ลูกากู จดจำได้ไม่ลืม
“มันเป็นนัดชิงครั้งแรกที่ผมได้ดู ซึ่งผมยังเล็กมาก เกมนั้นเป็นเกมระหว่างอินเตอร์ มิลานกับลาซิโอ ในนัดชิงยูฟ่าคัพ ปี 1998” ลูกากูให้สัมภาษณ์กับรายการโทรทัศน์สัญชาติอิตาลี แต่ใช้ชื่อรายการว่า Tiki Taka ซึ่งเป็นสไตล์ฟุตบอลตำรับบาร์เซโลนาของสเปน
“มันทำให้ผมอยากเล่นให้กับอินเตอร์ เพราะผมชื่นชอบแนวรุกของพวกเขามาก ทั้งโรนัลโด, (คริสเตียน) วิเอรี และอาเดรียโน”
เกมนัดชิงชนะเลิศที่สนาม Parc des Princes รังเหย้าของปารีส แซงต์ แชร์กแมง ทีมที่จะได้เข้าชิงแชมเปียนส์ลีกเป็นครั้งแรกในวันอาทิตย์นี้ ฝ่ายที่คว้าชัยชนะเอาไว้ได้อย่างเด็ดขาดคือทีมเนรัซซูรี ที่ถล่มทีมจากเมืองหลวงไป 3-0 ในเกมนัดชิงแบบ All-Italy
วันนั้นคนที่เล่นได้อย่างโดดเด่นที่สุดคือ ‘อิล เฟโนเมโน’ โรนัลโด ซึ่งอยู่ในช่วงวัยคะนองกำลังร้อนแรง
ลีลาการเล่นของโรนัลโดในวันนั้นยังเป็นที่โจษขานกันอยู่จนถึงทุกวันนี้ เพราะมันเป็นหนึ่งในเกมที่เขาร่ายมนตร์บนปลายเท้าออกมาให้แฟนบอลทั่วโลก ไม่เฉพาะแฟนอินเตอร์ได้ตะลึง โดยเฉพาะจังหวะการใช้ท่า Elastico หรือการคลึงแล้วตวัดบอลราวกับมีตะขออยู่ที่ปลายเท้า หลอกนักเตะลาซิโอเหมือนหลอกเด็ก (และอีกหลายจังหวะในเกมนั้น) ยังถูกนำมาตัดใช้ในคลิปไฮไลต์ความมหัศจรรย์ของดาวยิงชาวบราซิลอยู่จนปัจจุบัน
นัดชิงชนะเลิศฟุตบอลยูฟ่าคัพ 1998
ดังนั้นการที่เด็กน้อยอย่างลูกากูจะเป็นปลื้มก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร
อย่างไรก็ดี ในคืนนี้กองหน้าชาวเบลเยียม ซึ่งเติบโตมาเหมือนเป็นร่างจำลองของ ‘โบโบ’ วิเอรีมากกว่าโรนัลโด มีโอกาสที่จะกลายเป็นตำนานอีกบทหนึ่งของอินเตอร์เช่นเดียวกัน เมื่อเขาจะนำทีมลงชิงชนะเลิศยูฟ่ายูโรปาลีก หรือยูฟ่าคัพ เหมือนที่โรนัลโดเคยทำได้
โดยเกมนัดชิงนี้ยังเป็นโอกาสที่เนรัซซูรีจะได้ชูถ้วยแชมป์รายการนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 22 ปี หรือนับจากนัดชิงชนะเลิศเมื่อปี 1998 ในความทรงจำของลูกากู
ที่สำคัญคือเขามีโอกาสที่จะทำสถิติเทียบเท่าหรือแซงหน้าฮีโร่ในดวงใจด้วย โดยลูกากูต้องการอีกเพียง 1 ประตู ก็จะทำสถิติในการเล่นฤดูกาลแรกให้อินเตอร์ได้เท่ากับที่โรนัลโดเคยทำได้หลังย้ายมาจากบาร์เซโลนา ด้วยจำนวน 34 ประตู
ตลอดฤดูกาลที่ผ่านมา ไม่มีนักเตะคนไหนจะทุ่มเทเพื่ออินเตอร์มากเท่าเขา โดยนับจนถึงปัจจุบันซึ่งกินระยะเวลาร่วม 1 ปีแล้วที่ออกสตาร์ทฤดูกาล 2019-20 มา ดาวยิงวัย 27 ปีลงสนามให้กับทีมไปแล้วถึง 4,100 นาทีรวมทุกรายการ
เขาต้องการอีกเพียง 66 นาทีก็จะทำลายสถิติจำนวนนาทีที่ลงสนามมากที่สุดของนักเตะเซเรียอาไปอีกหนึ่งรายการ
“ไม่เลวนักสำหรับเด็กอ้วน” ลูกากูโพสต์ข้อความนี้พร้อมกับภาพของตัวเขาที่ไม่สวมเสื้อและแสดงให้เห็นถึงมัดกล้ามที่แข็งแกร่งบนอินสตาแกรมส่วนตัว
ย้อนกลับไปเมื่อปีกลาย เขายังถูก แกรี เนวิลล์ ตำนานทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด วิพากษ์ถึงรูปร่างที่ดูหนาขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และมีส่วนทำให้ฟอร์มการเล่นตกลงอย่างน่าใจหาย
ในเรื่องนี้ลูกากูไม่ติดอะไร เพราะเขาเองก็รู้ตัวว่าระบบการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย (Metabolism) ของเขาเปลี่ยนไปจากเดิม ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะลดน้ำหนักลง แต่ที่อินเตอร์ เขาจัดแผนในการดูแลรูปร่างอย่างจริงจังโดยนักโภชนาการของสโมสร โดยเน้นการทานปลาสดๆ และผักใบเขียว ซึ่งช่วยให้รูปร่างกลับมากำยำแบบไม่ผิดสัดส่วนอีกครั้ง
เรื่องรูปร่างไม่ว่า แต่ถ้าใครมาบอกว่าเขาไม่ตั้งใจ ไม่ทุ่มเท ไม่เป็นมืออาชีพ อันนี้ต้องเจอกันหน่อย
“ผมมีชีวิตเพื่อเกมฟุตบอล ผมจะพยายามทำทุกอย่างให้มันดีขึ้น”
ความตั้งใจที่จะพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งหลังถูกปรามาสอย่างรุนแรงในฤดูกาลสุดท้ายกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อรวมกับความไว้ใจที่นายใหญ่อย่าง อันโตนิโอ คอนเต มอบให้ เพราะลูกากูคือนักเตะที่เขาฝันถึงมาตลอด และเคยพยายามแล้วที่จะซื้อตัวมาเล่นด้วยกันสมัยยังคุมยูเวนตุสเมื่อปี 2014 แต่ไม่ประสบความสำเร็จ
ใจต่อใจแลกกัน ทำให้ลูกากูกลับมาเป็นยอดดาวยิงพระกาฬคนเก่าอีกครั้ง เช่นเดียวกับอินเตอร์ที่เขยิบเข้าใกล้ยูเวนตุสไปอีกขั้น
ลูกากูทำประตูให้กับอินเตอร์ได้ตั้งแต่เกมแรกที่ลงสนาม และจนถึงวันนี้เขายิงไปแล้ว 33 ประตูด้วยกัน ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการที่คอนเตฝึกอย่างโหดในช่วงพรีซีซัน โหดชนิดที่เขาไม่เคยเจอการซ้อมที่หนักขนาดนี้มาก่อนในชีวิต
แต่การซ้อมหนักก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จ ขณะที่อีกส่วนคือความเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกันของนักเตะอินเตอร์ ที่พวกเขาไม่ได้เป็นแค่เพื่อนร่วมทีม แต่เป็นเพื่อนกันจริงๆในชีวิต
ดังนั้นแม้จะเป็น ‘ตัวเป้า’ ที่เพื่อนร่วมทีมฝากความหวัง แต่ในทางกลับกัน ลูกากูก็พร้อมจะเป็นคนที่สนับสนุนเพื่อนทุกคน โดยเฉพาะคู่หูอย่าง เลาตาโร มาร์ติเนซ ดาวยิงอาร์เจนไตน์ที่ฉายแสงอย่างเจิดจ้าในฤดูกาลนี้
เขายอมแม้กระทั่งการยกลูกจุดโทษให้เพื่อนยิงถึง 2 ครั้งด้วยกัน โดยครั้งหนึ่งให้มาร์ติเนซได้ยิงในเกมกับโบโลญญา แต่กลับเป็นผลร้ายเมื่อยิงพลาด และสุดท้ายพวกเขาพ่ายในเกมนั้นจนกระทบต่อความหวังในการลุ้นแชมป์
แต่อีกครั้งกลายเป็นเรื่องราวดีๆ ที่น่าจดจำไปตลอดชีวิต เมื่อเขายกจุดโทษให้ เซบาสเตียโน เอสโปซิโต ไอ้หนูวัย 17 ปี ได้ยิงจุดโทษซึ่งกลายเป็นประตูแรกในชีวิตการเล่น
หลังทำประตูได้ เอสโปซิโตได้วิ่งไปฉลองประตูด้วยการสวมกอดแม่ ซึ่งเป็นภาพที่งดงามของเกมลูกหนัง
สำหรับคืนนี้ ลูกากูก็หวังจะสร้างภาพในความทรงจำของตัวเองเช่นกัน แม้จะรู้ว่าการคว้าแชมป์ไม่ง่ายเพราะคู่แข่งคือเซบียา ราชาแห่งถ้วยรายการนี้
แต่ด้วยแรงบันดาลใจจากโรนัลโดเมื่อ 22 ปีที่แล้ว ด้วยความพยายามที่ไม่มีที่สิ้นสุดของตัวเขาเอง และด้วยความเป็นหนึ่งเดียวกันของอินเตอร์ มิลาน
ลูกากูต้องการที่จะทำภารกิจนี้ให้ได้
เผื่อว่าตัวเขาเองจะกลายเป็นแรงบันดาลใจของใครสักคน เหมือนที่เขาเคยได้รับแรงบันดาลใจในคืนนั้นของปี 1998
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
- https://www.theguardian.com/football/2020/aug/20/romelu-lukaku-inter-europa-league-final-sevilla
- https://www.fourfourtwo.com/features/romelu-lukaku-inter-milan-europa-league-goals-top-scorer-debut-season-man-utd-transfer
- ลูกากูย้ายจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดมาอยู่กับอินเตอร์ มิลาน ด้วยค่าตัวถึง 80 ล้านยูโร ซึ่งถือเป็นค่าตัวมหาศาลเมื่อเทียบกับฟอร์มที่ตกต่ำลงในฤดูกาลที่แล้ว
- คอนเตพยายามจะคว้าตัวดาวยิงรายนี้ให้ได้ตั้งแต่อยู่กับยูเวนตุส แต่การเจรจาล้มเหลว ทำให้เขาตัดสินใจลาออกจากทีมทันทีหลังคุมทีมซ้อมพรีซีซันได้วันเดียว
- อีกครั้งที่คอนเตพยายามจะดึงตัวมาให้ได้คือในปี 2017 ช่วงที่คุมเชลซี แต่ก็ล้มเหลวอีกเช่นกัน
- อินเตอร์ มิลาน เริ่มต้นฤดูกาล 2019-20 ในวันที่ 26 สิงหาคม 2019 เรียกได้ว่าเป็นฤดูกาลที่ยาวนานเกือบครบปี