หลังจากที่นายโรเบิร์ต มูกาเบ ผู้นำเผด็จการของซิมบับเวตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมา แอบสร้างความประหลาดใจให้กับหลายฝ่ายไม่น้อย ทั้งที่ก่อนหน้านี้เข้ายืนกรานที่จะยังคงดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศมาโดยตลอด แม้ทหารจะออกมาควบคุมสถานการณ์และกักบริเวณเขาและครอบครัวไว้แต่ภายในบ้านพักแล้วก็ตาม
นายเลิฟมอร์ มาตูเก (Lovemore Matuke) หนึ่งในผู้บริหารคนสำคัญของพรรค ZANU-PF เผยถึงหนึ่งในเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้ผู้นำซิมบับเววัย 93 ปีคนนี้ตัดสินใจลงจากอำนาจ นั่นคือ หากนายมูกาเบตัดสินใจถ่ายโอนอำนาจ เพื่อให้ประเทศสามารถเดินไปข้างหน้าได้ เขาจะไม่ถูกดำเนินคดีและมีหลักประกันคุ้มครองความปลอดภัยของตัวเขาและครอบครัว
“การดำเนินคดีกับนายโรเบิร์ต มูกาเบ ไม่เคยอยู่ในแผนการของพวกเราตั้งแต่แรก เขาจะปลอดภัย ครอบครัวของเขาก็จะปลอดภัย สถานะของเขาจะยังคงถูกยกย่องเป็นวีรบุรุษของประเทศในการต่อสู้เพื่อเอกราชต่อไป เราให้เขาเลือกระหว่างการลาออกเอง หรือการถูกปลด”
หลังจากที่นายมูกาเบตัดสินใจลาออก นางเกรซ มูกาเบ สตรีหมายเลขหนึ่งที่ถูกวางตัวให้เป็นผู้สืบทอดอำนาจของ ‘ระบอบมูกาเบ’ ต่อจากสามี ไม่เผยตัวในที่สาธารณชน ซึ่งมีภาพถ่ายของเธอจำนวนหนึ่ง แต่ยังไม่สามารถระบุได้ทันทีว่าเป็นเธออย่างแน่นอน
นายเอ็มเมอร์สัน มนังกักวา รองประธานาธิบดี คู่แข่งทางการเมืองคนสำคัญของนางเกรซ ที่ถูกนายมูกาเบสั่งปลดจากตำแหน่ง ก่อนที่จะมีมติคืนอำนาจให้แก่เขา พร้อมแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้นำพรรค ZANU-PF แทนนายมูกาเบ จะเข้าพิธีสาบานตนขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของซิมบับเวในวันนี้ (24 พ.ย.) จนกว่าจะถึงการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นในช่วงปลายปี 2018
แต่อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายยังตั้งข้อกังขาถึงการขึ้นดำรงตำแหน่งของนายมนังกักวา ผู้ที่ได้รับฉายา ‘จระเข้แห่งซิมบับเว’ และมีสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับกองทัพคนนี้ว่า จะปกครองประเทศในระยะเปลี่ยนผ่านอย่างไร ในเมื่อผู้คนจำนวนไม่น้อยก็ทราบถึงความโหดเหี้ยมที่เขามีไม่น้อยไปกว่าผู้นำคนก่อนหน้าอย่างนายมูกาเบ
Photo: AFP
อ้างอิง: