เครือแฟชั่นลักชัวรีอย่าง Richemont ผู้เป็นเจ้าของ Cartier, Van Cleef & Arpels และ Chloé ได้ออกมารายงานรายได้ในไตรมาสแรกของปี 2023 ที่พบการเติบโตที่ดีขึ้นในเอเชีย แต่มีแนวโน้มที่แผ่วลงในแถบอเมริกา
โดยตั้งแต่ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน Richemont ทำรายได้ไปทั้งหมด 5,322 ล้านยูโร คิดเป็นการเติบโตจากปีก่อนหน้า 14% ในอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน ซึ่งภูมิภาคที่เติบโตมากที่สุดก็หนีไม่พ้นเอเชียแปซิฟิกที่โตขึ้น 32% โดยเฉพาะจีน ฮ่องกง และมาเก๊า ที่เปิดประเทศให้คลายมาตรการโควิดขึ้นมาก ส่งผลให้นักท่องเที่ยวและผู้คนในท้องถิ่นซ้อปปิ้งสินค้าได้ง่ายขึ้น
ส่วนผลงานทางฝั่งอเมริกาดูท่าว่าบริษัทจะต้องทำงานเพิ่มขึ้นอีกในไตรมาสหน้า เพราะพบผลประกอบการที่น้อยลงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งในสหรัฐฯ ทำรายได้น้อยลง 4% จากปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตามหมวดหมู่ที่สำคัญที่สุดยังคงเป็นเครื่องประดับที่ทำรายได้เกินครึ่งหนึ่งให้บริษัทถึง 3,600 ล้านยูโรที่เติบโตขึ้น 19% และถ้าดูเฉพาะผลงานหลักของ 3 แบรนด์ต้นๆ ที่ในพอร์ตอย่าง Cartier, Van Cleef & Arpels และ Buccellati มีการเติบโตมากขึ้นถึง 24% ส่วนฝั่งนาฬิกาเช่น Jaeger-LeCoultre, Vacheron Constantin, IWC Schaffhausen และ Piaget ทำรายได้รวมกันประมาณ 1,060 ล้านยูโร
ส่วนฝั่งแฟชั่นที่มีสัดส่วนเล็กกว่ามาก และมีแบรนด์ในเครือเช่น Dunhill, Azzedine Alaïa และ Chloé ที่ Richemont จัดไปอยู่ในหมวด ‘อื่นๆ’ ที่รวมแล้วทำรายได้เพียง 662 ล้านยูโร และเติบโตขึ้นมาเพียง 4% จาก 637 ล้านยูโร
และที่น่าจับตามองต่อไปคือชะตาของแบรนด์ใหญ่อย่าง Chloé ที่ล่าสุด Gabriela Hearst เพิ่งประกาศอำลาตำแหน่งครีเอทีฟไดเรกเตอร์ไปไม่นาน และได้ Chemena Kamali อดีตดีไซเนอร์แผนกเสื้อผ้า Ready-to-Wear ฝั่งผู้หญิงของ Saint Laurent มานำทีมออกแบบชั่วคราว
ภาพ: Robert Alexander / Getty Images
อ้างอิง: