×

เปิดแผนธุรกิจปี 2567 ‘บางจาก’ มุ่งผสาน 2 แบรนด์ จากเอสโซ่เป็นบางจาก สู่ ‘ใบไม้ใบใหม่’ ที่มีเป้าหมายรายได้ 5 แสนล้านบาท

13.12.2023
  • LOADING...
บางจาก คอร์ปอเรชั่น

หลังจากที่บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เข้าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท บางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) หรือชื่อเดิมคือบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในปีนี้ นับเป็นความสำเร็จของบางจากและดีลใหญ่แห่งปีของอุตสาหกรรมพลังงาน และบางจากสามารถพาองค์กรเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ แต่เพื่อรักษาสมดุลของความท้าทายด้านพลังงานตลอดจนความยั่งยืน CEO ‘ชัยวัฒน์’ วางแผนการลงทุนในปี 2567 ไว้ที่ 5 หมื่นล้านบาท พร้อมตั้งเป้ารายได้ 5 แสนล้านบาท รุกขยายการลงทุนในทุกกลุ่มธุรกิจ 

 

ชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กลุ่มบางจากวางงบการลงทุนปี 2567 อยู่ที่ 5 หมื่นล้านบาท และวางเป้าหมายรายได้เติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจรวมที่ 5 แสนล้านบาท จากเป้าหมายรายได้ปีนี้อยู่ที่ 3.6 แสนล้านบาท

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

 

ขณะที่งบการลงทุน 7 ปี (2567-2573) วางไว้ที่ 1.5 แสนล้านบาท โดยแบ่งเป็นสัดส่วนธุรกิจ Green Power 30% ธุรกิจ Natural Resource 30% ธุรกิจโรงกลั่นและตลาด 30% และ Bio-Based & New Business 10% และบริษัทตั้งเป้าจะมี EBITDA แตะระดับ 1 แสนล้านบาทภายในปี 2573 โดยหลังจากนี้ บางจากจะหาโอกาสเพื่อขยายการลงทุนในกลุ่มธุรกิจต่างๆ อย่างต่อเนื่อง

 

ศึกษาเทคโนโลยีดักจับคาร์บอน พร้อมพัฒนาโรงกลั่นชีวภาพ (Biorefinery)

 

กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน โรงกลั่นน้ำมันมาตรฐานระดับโลก 2 แห่ง ตั้งเป้าหมายอัตราการกลั่นน้ำมันดิบ (รวม 266,000 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 72% จาก 155,000 บาร์เรลต่อวันในปี 2566) โดยโรงกลั่นน้ำมันบางจาก พระโขนง มีต้นทุนการกลั่นต่ำที่ประมาณ 1.3 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และมีแผนขยายระยะเวลาของรอบการหยุดซ่อมบำรุงจาก 2 ปีเป็น 4 ปี ทั้งยังมีการศึกษาเทคโนโลยีการดักจับคาร์บอนเพื่อต่อยอดทางธุรกิจ ตลอดจนพัฒนาโรงกลั่นมุ่งสู่การเป็นโรงกลั่นชีวภาพ (Biorefinery) ซึ่งผลิตน้ำมัน Biofuel 2nd Generation ที่มีคุณสมบัติ Drop-in เทียบเท่ากับน้ำมันฟอสซิล โดยมีเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) เป็นผลิตภัณฑ์แรก

 

“บางจากจะนำความสำเร็จจากการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่นน้ำมันบางจาก พระโขนง มาใช้กับโรงกลั่นน้ำมันบางจาก ศรีราชา โดยมุ่งเพิ่มประสิทธิภาพด้านต่างๆ สร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันและการผสานประโยชน์ร่วมกัน โดยตั้งเป้าอัตราการกลั่นน้ำมันดิบ สำหรับโรงกลั่นบางจาก ศรีราชา ในปี 2567 ที่ 155,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่เปิดดำเนินการ”

 

จัดหาน้ำมันดิบผ่านบริษัท บีซีพี เทรดดิ้ง (BCPT) ในประเทศสิงคโปร์

 

กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและค้าน้ำมันของบางจากฯ มีการดำเนินธุรกิจครบวงจรใน Value Chain ด้วยธุรกิจจัดหาน้ำมันดิบผ่านบริษัท บีซีพี เทรดดิ้ง (BCPT) ในประเทศสิงคโปร์ ธุรกิจบริหารการขนส่งเชื้อเพลิงทางรถและเรือ ทางท่อ และโลจิสติกส์ ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ ผ่านบริษัท กรุงเทพขนส่งเชื้อเพลิงทางท่อและโลจิสติกส์ จำกัด (BFPL) และธุรกิจผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน หรือ SAF จากน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว ผ่านบริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด (BSGF) และล่าสุดได้จัดตั้งบริษัท รีไฟเนอรี่ ออฟติไมซ์เซชั่น แอนด์ ซินเนอร์ยี่ เอนเตอร์ไพรส์ จำกัด (ROSE) เพื่อจัดทำแผนและบริหารงานธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันทั้ง 2 แห่ง ให้เกิดประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุน

 

เพิ่มปั๊มเป็น 2,500 แห่ง รีแบรนด์เอสโซ่เป็นบางจากให้เสร็จสิ้นกลางปีหน้า

 

กลุ่มธุรกิจการตลาดมุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อให้สถานีบริการบางจากเป็นจุดหมายปลายทางที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้บริการทุกช่วงวัย ตั้งเป้าขยายเครือข่ายสถานีบริการจาก 2,221 สถานี ณ สิ้นปี 2566 เป็นมากกว่า 2,500 สถานีในปี 2573 ซึ่งรวมถึงสถานีบริการในรูปแบบ Unique Design ที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภค 

 

โดยกลุ่มธุรกิจการตลาดจะมุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง ทั้ง Premium 97 และ Premium Diesel รวมถึงตั้งเป้าในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าผ่านการขยายธุรกิจ Non-oil เช่น การขยายร้านอินทนิล คอฟฟี่ เพิ่มขึ้นปีละ 140 สาขา เป็น 2,000 สาขาในปี 2573

 

“กลุ่มธุรกิจการตลาดยังให้ความสำคัญกับการปรับเปลี่ยนตราสัญลักษณ์บางจากที่สถานีบริการเป็น ‘ใบไม้ใบใหม่’ และการผสาน 2 แบรนด์เข้าสู่แบรนด์บางจากอย่างราบรื่น ปรับเปลี่ยนตราสัญลักษณ์ และเปลี่ยนตราสัญลักษณ์เอสโซ่เป็นบางจาก ซึ่งทั้งหมดจะเสร็จสิ้นภายในเดือนมิถุนายน 2567” ชัยวัฒน์กล่าว

 

นอกจากนี้บริษัทลูก บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ปี 2567 ตั้งเป้าเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้ากว่าเท่าตัว พร้อมมุ่งเน้นพัฒนาธุรกิจที่เป็น New S-Curve เช่น ธุรกิจกักเก็บพลังงานทั้งสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และสำหรับโรงงานหรือนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ต้องการใช้ไฟฟ้าสีเขียว และธุรกิจการบริหารจัดการพลังงานอัจฉริยะ

 

ร่วมทุนกับ Fermbox Bio จากสหรัฐอเมริกา ผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน

 

ขณะเดียวกัน บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) เองก็ตั้งเป้าหมายปริมาณจำหน่ายปี 2567 เพิ่มขึ้น 40% จากปี 2566 เป็น 560 ล้านลิตร มุ่งสร้างการเติบโตในธุรกิจหลักจากการขยายเครือข่าย และเติบโตในธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูง โดยจะร่วมกับบางจากฯ ในการผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) และโรงงานเทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูงเชิงพาณิชย์ที่ร่วมทุนกับ Fermbox Bio จากสหรัฐอเมริกา โดยในระยะแรกจะผลิตเอนไซม์ด้วยกำลังการผลิตประมาณ 200,000 ลิตรในปี 2567 และเพิ่มเป็นมากกว่า 1 ล้านลิตรในปี 2570 และขยายการผลิตไปยังผลิตภัณฑ์ด้านชีววิทยาสังเคราะห์ (Synbio) อื่นๆ อีกด้วย

 

สำรวจและผลิตปิโตรเลียมทวีปอื่นๆ นอกเหนือจาก ‘OKEA ASA’ นอร์เวย์

 

ส่วนกลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติและกลุ่มธุรกิจขับเคลื่อนธุรกิจใหม่ มุ่งสร้างความมั่นคงทางพลังงานผ่านการขยายธุรกิจ โดยธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมตั้งเป้าหมายเติบโต 74% มีกำลังการผลิตปิโตรเลียม 40,000 boepd (บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน) ในปี 2567 และมีเป้าหมายกำลังการผลิตมากกว่า 100,000 boepd ภายในปี 2573 จากการดำเนินการแหล่งปิโตรเลียมในประเทศของนอร์เวย์ผ่านบริษัทฯ OKEA ASA รวมถึงการแสวงหาการเติบโตในธุรกิจด้านทรัพยากรธรรมชาติในแหล่งใหม่ๆ ในทวีปอื่นๆ ที่มีศักยภาพ

 

ชัยวัฒน์กล่าวทิ้งท้ายว่า “ท่ามกลางความท้าทายของอุตสาหกรรมพลังงาน โดยเฉพาะทิศทางราคาน้ำมันปีหน้า มองว่าราคาอาจจะลดลงบ้าง แต่เชื่อว่าจะยังคงอยู่ในระดับที่สูง แต่บางจากมีการเตรียมแผนบริหารด้านราคาและความเสี่ยงไว้เป็นอย่างดี โดยมีพื้นฐานจากการรักษาสมดุลระหว่างคุณค่าและมูลค่า ขับเคลื่อนสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ตลอดจนรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และมีการกำกับดูแลธุรกิจที่ดี (ESG) พาองค์กรไปสู่เป้าหมายรายได้ 5 แสนล้านบาทในปีหน้า”

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X