ปี 2564 ที่ผ่านมา โควิดมีทั้งวิกฤตและโอกาส แต่สำหรับธุรกิจค้าปลีกแล้ว ถือเป็นการปรับตัวของผู้เล่นกลุ่มค้าปลีกอย่างแท้จริง และเข้าสู่ตลาดออนไลน์ การส่งถึงบ้าน ซึ่งเป็นโอกาสที่ยังเติบโตได้อีกมาก ปัจจุบัน ตลาดอีคอมเมิร์ซไทยมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของอาเซียน รองจากอินโดนีเซียที่ใหญ่กว่าไทยถึง 4 เท่า การขยายตัวของอีคอมเมิร์ซไทยยังเป็นไปในทิศทางเดียวกับประเทศอื่นๆ ในอาเซียน คือแม้จะมีขนาดเล็กหากเทียบกับค้าปลีก ยกเว้นอินโดนีเซียและสิงคโปร์ ที่มีสัดส่วนสูงถึง 20% และ 16% ตามลำดับ
ดังนั้นเมื่อผู้เล่นในตลาดค้าปลีกอย่าง เซเว่น อีเลฟเว่น, แม็คโคร, โลตัส, บิ๊กซี ต่างเข้ามาจับตลาดออนไลน์ ทำให้โอกาสการเติบโตในปีหน้าค่อนข้างสดใส มีความเป็นดิจิทัลมากยิ่งขึ้น ดังจะเห็นได้จากยอดขายออนไลน์ของ ซีพี ออลล์ ที่เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด
ยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกุล กรรมการผู้จัดการ (ร่วม) บมจ.ซีพี ออลล์ ผู้บริหารร้านเซเว่น อีเลฟเว่น และ เซเว่น เดลิเวอรี กล่าวว่า ปัจจุบันเซเว่น อีเลฟเว่น มีจำนวนสาขารวมกว่า 13,000 สาขา เพื่อตอบโจทย์ความสะดวกให้กับลูกค้าทั่วประเทศ เราจึงมีการเปลี่ยนจาก Food Store มาสู่ All Convenience เพื่อบริการความสะดวกให้กับทุกคน และเมื่อโลกเปลี่ยน เพราะเทคโนโลยีเปลี่ยน วิถีชีวิตคนเปลี่ยน พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน คู่แข่งเปลี่ยน การทำธุรกิจจึงต้องสร้างสรรค์บริการใหม่ๆ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า
โดยเฉพาะเมื่อโลกต้องเจอกับมรสุมทางเศรษฐกิจและเกิดโรคระบาดโดยเฉพาะโควิด สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ New Normal หรือ ‘ความปกติใหม่ หรือ ฐานวิถีชีวิตใหม่’ นั่นหมายถึงการปรับตัวให้เท่าทันสถานการณ์ ด้วยเหตุนี้เอง ส่งผลให้บริการ ALL Online ที่ประกอบด้วยการสั่งสินค้าผ่านบริการ 7-Delivery, 24 Shopping, 7-Eleven.TH Application สามารถตอบโจทย์ลูกค้ายุคใหม่ ได้รับการตอบรับอย่างดี ทำให้มียอดการขาย All Online รวม 10 เดือนของปี 2564 กว่า 21,237 ล้านบาท คาดว่าภายในสิ้นปีนี้ยอดขายจะเติบโตจากปีที่ผ่านมา 300%
จักรกฤษณ์ จตุปัญญาโชติกุล ผู้อำนวยการฝ่ายอีคอมเมิร์ซ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด ทำให้พฤติกรรมและรูปแบบการใช้ชีวิตของผู้คนเปลี่ยนไปจากเดิม คือ ลดการเดินทาง ใส่ใจความปลอดภัย และเว้นระยะห่างทางสังคม จนกลายเป็นเรื่องคุ้นชิน ซึ่งทำให้การสั่งซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ส่งถึงบ้าน หรือโทรศัพท์สั่งสินค้าแล้วมารับที่สาขา เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด
โดยที่ผ่านมาแม็คโครเห็นแนวโน้มการเติบโตในช่องทางออนไลน์-ส่งถึงบ้านเพิ่มขึ้นมากถึง 2 เท่า กลุ่มลูกค้ามีทั้งผู้ประกอบการโชห่วย ผู้ประกอบการร้านอาหารที่หันมาทำบริการอาหารกล่องเดลิเวอรีมากขึ้นในช่วงนี้ รวมทั้งลูกค้าทั่วไปที่ต้องการวัตถุดิบอาหารคุณภาพดีในราคาผู้ประกอบการ โดยกลุ่มสินค้าขายดี คือ สินค้าอาหารสด รวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น อาทิ กาแฟ บรรจุภัณฑ์ย่อยสลายได้
ถึงแม้ตลาดอีคอมเมิร์ซโต ทำให้ธุรกิจแพลตฟอร์มเติบโตด้วย โดย Shopee และ Lazada มีจำนวนผู้เข้าใช้งานมากสุดคือสูงถึง 51 ล้านราย และ 33 ล้านรายต่อเดือน ตามลำดับ รวมแล้วเป็นจำนวนมากกว่าครึ่งของการใช้อีคอมเมิร์ซทั้งประเทศ แต่ถึงอย่างนั้น การแข่งขันดุเดือด ทำให้แต่ละรายต้องใช้เงินมหาศาลไปกับการโฆษณาและส่งเสริมการขาย ทำให้ธุรกิจแพลตฟอร์มยังคงขาดทุน และมีแนวโน้มขาดทุนต่อเนื่องในช่วงที่ยังไม่มีผู้ชนะที่ชัดเจน
ในขณะที่ผู้เล่นในธุรกิจค้าปลีกยังคงทำกำไรและกำลังเข้าสู่ออนไลน์ และยอดขายไม่ได้แตกต่างกัน ทำให้เวทีนี้เปิดโอกาสสำหรับทุกผู้เล่นในตลาด ดังนั้นเมื่อโลกออนไลน์กำลังมาแข่งกับออฟไลน์ และผู้เล่นที่เคยอยู่ในโลกค้าปลีกออฟไลน์จะขึ้นไปแข่งกับผู้เล่นออนไลน์ ทำให้ตลาดกว้างขึ้นและเป็นโอกาสสำหรับคนที่ปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP