ปี 2567 ร้านอาหารเกิดใหม่ทยอยเจ๊งกว่า 60% และปิดตัวลงหลังเปิดร้านได้เพียงปีเดียว
พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน เศรษฐกิจแย่ ทุนจีนแทรกแซง นักท่องเที่ยวหาย ศึกนอกหรือศึกในที่ผู้ประกอบการร้านอาหารไทยต้องโฟกัส จึงจะ ‘ไปรอด’ ในยุคที่วิกฤตเกิดขึ้นทุกมิติ
🟡 ทัวร์จีนหาย ร้านอาหารกำไรหด
การท่องเที่ยวไทยเคยสร้างรายได้กว่า 1.76 ล้านล้านบาท เป็นตัวแบก GDP ให้ประเทศถึง 12% โดยมีนักท่องเที่ยวจีนเป็นกำลังหลัก สร้างรายได้กว่า 5 แสนล้านบาท คิดเป็น 1 ใน 3 ของรายได้รวมจากการท่องเที่ยว
แต่ปัจจุบันจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงอย่างน่าใจหาย รายได้ธุรกิจร้านอาหารก็หดตาม โดยมีสาเหตุมาจาก
🔸 จากทัวร์จีน กลายเป็น นักท่องเที่ยวอิสระ (Free Independent Traveller) ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงที่ไม่ได้มากับกรุ๊ปทัวร์ มองหาการท่องเที่ยวที่เน้นคุณภาพบริการ ความปลอดภัย และเอกลักษณ์ของสถานที่ท่องเที่ยว
🔸 คนจีนหนีไทยซบต่างชาติ เช่น ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ โดยเฉพาะ เวียดนาม ซึ่ง 4 เดือนแรกของปี 2568 เวียดนามต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนไปถึง 1.95 ล้านคน
🟡 ศึกรอบด้านของร้านอาหารไทย
ไม่ใช่แค่นักท่องเที่ยวจีนที่เป็นปัจจัยหลัก แต่คนไทยเองก็รัดเข็มขัดขึ้น
สมาคมภัตตาคารไทยพบว่าคนไทยลดความถี่ในการกินข้าวนอกบ้านถึง 95% และลดค่าใช้จ่ายในภาคบริการโดยเฉพาะร้านอาหาร มากกว่า 40%
ขณะเดียวกัน การเข้ามาของร้านอาหาร ‘ศูนย์เหรียญ’ จากทุนจีนที่บางครั้งไม่ได้สร้างมูลค่าเพิ่มให้เศรษฐกิจไทย ทำให้การแข่งขันในตลาดรุนแรงขึ้น รายได้กว่า 28.37% ของธุรกิจท่องเที่ยวและร้านอาหารไทยก็รั่วไหลออกนอกประเทศ เพราะมีการนำเข้าวัตถุดิบและใช้บริการธุรกิจต่างชาติ
🟡 นักท่องเที่ยวกลุ่ม Long Haul คือโอกาสที่ซ่อนอยู่ในวิกฤต
ในอีกด้าน เราก็ได้กลุ่มนักท่องเที่ยวใหม่ๆ ซึ่งมีกำลังซื้อสูงไม่แพ้กันเข้ามาทดแทน โดยเฉพาะกลุ่ม Long Haul (นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากประเทศที่อยู่ห่างไกลออกไปมาก) ที่มีจำนวน 5.02 ล้านคน เพิ่มขึ้น 17.28% จากปีก่อน และสร้างรายได้ถึง 3.19 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.43% จากปีก่อน นอกจากนั้น ยังมีกลุ่มนักท่องเที่ยวจากอินเดียและรัสเซียที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าสนใจ
ทำให้รายได้รวมจากการท่องเที่ยวไม่ได้ลดลงมากนัก ยังคงทรงตัวและเติบโตได้บ้าง โดยไตรมาสแรกของปีนี้เติบโต 10.47% อยู่ที่ 460,000 ล้านบาท คิดเป็นการฟื้นตัวประมาณ 88% ของระดับก่อนโควิด
🟡 ปลุก ‘จิตวิญญาณแห่งปีศาจ’ ฝ่าวิกฤต
เมื่อโลกธุรกิจเต็มไปด้วยอุปสรรครอบด้าน ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปลุกตัวเองให้ลุกขึ้นจากความหลับใหล กล้าคิด กล้าทำ และกล้าฝ่าทุกขีดจำกัด เพื่อพาธุรกิจผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้ ด้วย 4 แนวทางสำคัญที่ควรนำไปปรับใช้
- สินค้าต้องชัด
ต้องรู้ชัดเจนว่าผู้บริโภคต้องการอะไร และเราถนัดอะไร การเน้นความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง (Specialty) คือหัวใจสำคัญที่จะดึงดูดลูกค้าที่ชอบลองของใหม่ อีกทั้งยังสร้าง ‘คอนเทนต์’ ให้ลูกค้าแชร์ได้ เช่น ร้านที่ขายเฉพาะมัทฉะ หรือร้านที่ขายเฉพาะผัดกะเพรา เพราะการสร้างสินค้าและเจาะกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนสามารถสร้างกระแสและทำให้ลูกค้าจดจำได้ง่าย
- ขยายช่องทางการขาย
อย่ารอให้ลูกค้าเดินเข้าร้าน แต่ต้อง ‘เดินไปหาลูกค้า’ ผ่านช่องทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Delivery, E-commerce หรือการพัฒนาสินค้าให้นำส่งได้ถึงมือ เช่น ผัดไทยทิพย์สมัย ที่แตกไลน์ผลิตภัณฑ์ ‘ผัดไทยกึ่งสำเร็จรูป’ เพื่อให้ผู้บริโภคทั่วโลกสามารถลิ้มรสความอร่อยแบบไทยได้ไม่ว่าที่ไหน
- ทำ Marketing ให้ถูกจุด
ต้องสื่อสารให้ชัดถึงจุดเด่นของร้าน สร้างกระแสด้วย Influencer Marketing และออกแบบแคมเปญให้ยั่งยืน ไม่ใช่แค่กระแสชั่วครู่ แต่ต้องทำให้ลูกค้ากลับมาอีกครั้ง และบอกต่ออย่างเต็มใจ
- วางระบบร้านฉบับมืออาชีพ
ระบบที่ดีคือพื้นฐานของการเติบโต สร้าง SOP (Standard Operating Procedure) หรือคู่มือการทำงานให้ชัดเจน เพื่อให้เจ้าของสามารถปลดล็อกเวลาไปโฟกัสที่การพัฒนาธุรกิจ ค้นหาโอกาสใหม่ และขยายเครือข่ายอย่างมีประสิทธิภาพ
ช่วงมรสุมนี้ไม่ใช่จุดจบ แต่คือจุดเริ่มต้นของผู้ที่กล้าปรับตัว
ใครที่พร้อมเปลี่ยน จะคว้าโอกาสได้ก่อน และผู้ที่สามารถปลุกจิตวิญญาณ ‘ผู้ประกอบการตัวจริง’ ขึ้นมาได้ จะเป็นผู้ที่อยู่รอดและเติบโตในโลกธุรกิจที่ไม่ง่ายเหมือนเดิม