ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินภาพรวมทิศทางธุรกิจร้านอาหารในปี 2565 ว่าจะกลับมาฟื้นตัว โดยขยายตัวเป็นบวกหลังจากที่หดตัวต่อเนื่องในช่วง 2 ปีก่อนหน้า หากสถานการณ์โควิดไม่กลับมาระบาดรุนแรงและยาวนานจนนำไปสู่การยกระดับมาตรการจำกัดการให้บริการร้านอาหารที่เข้มข้นขึ้น
โดยปัจจัยบวกสำคัญคือนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่จะเข้ามาช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายและเพิ่มกำลังซื้อของผู้บริโภค อาทิ ‘มาตรการคนละครึ่งเฟส 4’ ที่คาดว่าจะเริ่มในเดือนมีนาคม-เมษายน 2565 รวมถึงการกลับมาใช้ชีวิตประจำวันแบบมาตรฐานใหม่ของผู้บริโภค การปรับราคาเมนูอาหารเพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนที่สูงขึ้น และการเร่งทำตลาดเพื่อชดเชยยอดขายที่หายไปของร้านอาหาร
ในกรณีที่สถานการณ์โควิดไม่ได้แพร่ระบาดรุนแรงเป็นวงกว้างจนก่อให้เกิดการยกระดับของมาตรการควบคุมห้ามนั่งรับประทานอาหารภายในร้าน ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า ธุรกิจร้านอาหาร (รวมร้านอาหารประเภทร้านอาหารที่ให้บริการเต็มรูปแบบ ร้านอาหารที่ให้บริการจำกัด และร้านอาหารข้างทางหรือ Street Food ที่มีหน้าร้าน) ในปี 2565 น่าจะกลับมาขยายตัวเป็นบวกได้ โดยธุรกิจร้านอาหารจะมีมูลค่ารวมประมาณ 3.78-3.96 แสนล้านบาท หรือพลิกกลับมาขยายตัว 5-9.9% จากที่หดตัว 11% ในปี 2564
โดยการขยายตัวในแต่ละกลุ่มหรือประเภทร้านอาหารอาจมีความแตกต่างกัน ดังนี้
- ร้านอาหารที่ให้บริการเต็มรูปแบบ (Full Service Restaurants) น่าจะเห็นการเติบโตที่เร่งตัวขึ้นจากฐานที่ต่ำในปีก่อน โดยกลุ่มร้านอาหารที่จะทยอยกลับมาฟื้นตัวก่อนจะเป็นกลุ่มร้านอาหารที่อยู่ในห้างสรรพสินค้าและร้านอาหารที่มีชื่อเสียง รวมถึงในพื้นที่ท่องเที่ยวจังหวัดที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวชาวไทยในฤดูท่องเที่ยว เช่น พระนครศรีอยุธยา บางแสน พัทยา หัวหิน นครปฐม เป็นต้น
ขณะที่ร้านอาหารที่ตั้งอยู่ในบริเวณอาคารสำนักงานน่าจะฟื้นตัวจำกัด เนื่องจากสถานที่ทำงานหลายแห่งยังคงการทำงานแบบ Hybrid Working และ Work from Home ทำให้ร้านอาหารกลุ่มนี้จึงยังคงต้องพึ่งช่องทางการจัดส่งอาหารไปยังที่พักเพื่อสร้างรายได้ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า ในปี 2565 ธุรกิจร้านอาหารที่ให้บริการเต็มรูปแบบจะมีมูลค่ายอดขายอยู่ที่ประมาณ 1.31-1.42 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นการขยายตัว 10-19.5% โดยเป็นการฟื้นตัวจากฐานที่หดตัวรุนแรงในปีก่อน
- ร้านอาหารที่ให้บริการจำกัด (Limited Service Restaurants) การขยายตัวจะมาจากการขยายสาขาในกลุ่มอาหารจานด่วน และร้านอาหารขนาดเล็กที่คาดว่าจะเปิดตัวมากขึ้นกว่าปี 2564 เช่น กลุ่มร้านอาหารที่ไม่มีหน้าร้าน รวมถึงร้านอาหารรูปแบบใหม่ๆ ที่มีความคล่องตัวสูง โดยมีพื้นที่เป้าหมายเป็นบริเวณที่อยู่อาศัยและปั๊มน้ำมันทั้งในกรุงเทพฯ รอบนอก ปริมณฑล และหัวเมืองหลัก
นอกจากนี้ในปี 2565 คาดว่าผู้ประกอบการร้านอาหารในกลุ่มนี้น่าจะทำตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขายมากขึ้น โดยเฉพาะการร่วมมือกับผู้ให้บริการแอปพลิเคชันจัดส่งอาหาร ซึ่งโดยปกติแล้วช่องทางการจัดส่งอาหารไปยังที่พักจะเป็นช่องทางรายได้ที่สำคัญของร้านอาหารประเภทนี้
ด้วยมุมมองดังกล่าวทำให้คาดว่าในปี 2565 ธุรกิจร้านอาหารที่ให้บริการจำกัดจะมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 6.4-6.8 หมื่นล้านบาท หรือขยายตัว 4.6-11.8% อย่างไรก็ดี ร้านอาหารกลุ่มนี้ยังมีความท้าทายในด้านการบริหารจัดการช่วงเวลาเร่งด่วนที่มีคำสั่งซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมากในหลายช่องทาง เนื่องจากทรัพยากรแรงงานและพื้นที่ที่มีจำกัด ทำให้อาจเกิดภาวะคอขวดในกระบวนการต่างๆ ภายในร้านขึ้นได้
- ร้านอาหารข้างทาง (Street Food) ที่มีหน้าร้าน คาดว่าจะยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง และกลุ่มร้านอาหารข้างทางยังได้รับปัจจัยหนุนจากโครงการคนละครึ่งของภาครัฐ โดยคาดว่าร้านอาหารประเภทดังกล่าวยังคงได้รับความนิยมจากผู้บริโภค เนื่องจากเป็นเมนูพื้นฐานที่เข้าถึงได้ง่ายและราคาไม่สูง ประกอบกับผู้ประกอบการรายใหญ่เข้ามาขยายฐานการตลาดในเซกเมนต์นี้อย่างต่อเนื่อง
จากปัจจัยข้างต้นทำให้คาดว่าธุรกิจร้านอาหารข้างทางที่มีหน้าร้าน ในปี 2565 จะมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 1.84-1.86 แสนล้านบาท หรือขยายตัว 2.0-3.0% อย่างไรก็ดี ร้านอาหารในกลุ่มนี้มีความหนาแน่นของผู้เล่นเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้เกิดการแข่งขันที่รุนแรงและมีการหมุนเวียนเข้า-ออกของผู้เล่นสูง
แม้ภาพรวมทิศทางธุรกิจร้านอาหารในปี 2565 จะกลับมาฟื้นตัว แต่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าผู้ประกอบการร้านอาหารยังคงต้องดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง เพื่อลดผลกระทบจากทั้งปัจจัยท้าทายในธุรกิจ เช่น ต้นทุนทางธุรกิจที่ยังทรงตัวสูง ทั้งราคาวัตถุดิบ ค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภค ค่าเช่าพื้นที่ เป็นต้น รวมถึงการแข่งขันที่รุนแรงระหว่างร้านอาหารในเกือบทุกประเภทและระดับราคา
นอกจากนี้เทรนด์ความต้องการของผู้บริโภคที่ไม่ได้มีรูปแบบตายตัวและเปลี่ยนแปลงตามกระแสอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ประกอบการร้านอาหารจำเป็นต้องปรับรูปแบบธุรกิจให้สามารถปรับตัวตามกระแสที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว รวมถึงเร่งทำการตลาดอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษากลุ่มลูกค้าเดิม และขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้
ขณะที่การสร้างความร่วมมือกับผู้เล่นทั้งในกลุ่มและนอกกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร เช่น แพลตฟอร์มจัดส่งอาหาร บัตรเครดิต ห้างสรรพสินค้า และองค์กรต่างๆ ก็อาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเป็นจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว และที่สำคัญการรักษามาตรการรักษาความสะอาดยังเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้บริโภคที่จะเข้ามาใช้บริการในภาวะที่ยังมีการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องเช่นนี้