ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเปิดเผยว่า มาตรการ ‘ช้อปดีมีคืน’ ที่ออกมาเพื่อกระตุ้นการบริโภค โดยสามารถลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสูงสุดไม่เกิน 30,000 บาท ในช่วงวันที่ 23 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2563 ถือว่ามีลักษณะเดียวกับโครงการช้อปช่วยชาติ ที่เคยออกมาก่อนหน้านี้ในช่วงปลายปี 2558-2561
ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายที่ผู้มีรายได้ระดับปานกลางและรายได้สูง โดยคาดว่าน่าจะช่วยกระตุ้นการบริโภคในช่วงไตรมาส 4/63 และหากรวมกับมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลออกมา ทั้งมาตรการคนละครึ่งและมาตรการเติมเงินสวัสดิการเพิ่มอีกเดือนละ 500 บาทให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รวมถึงการทยอยเปิดรับนักท่องเที่ยว จะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/63 มีแนวโน้มดีขึ้นและหดตัวลดลงเมื่อเทียบกับ 2 ไตรมาสก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม มองว่ามาตรการช้อปดีมีคืน น่าจะช่วยให้เกิดการระบายสินค้าคงคลังที่มีอยู่สูง ผลักดันยอดขายและเพิ่มสภาพคล่องของผู้ประกอบการต่างๆ ให้ดีขึ้น ส่วนหนึ่งจะสร้างบรรยากาศทางเศรษฐกิจที่ดี แต่คาดว่าจะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายได้เพียงชั่วคราว และคงมีผลประโยชน์ต่อการจ้างงานค่อนข้างจำกัด
ทั้งนี้ ด้านการจ้างงานผู้ผลิตอาจจะยังไม่พิจารณากลับมาผลิตเพิ่ม หากอุปสงค์ยังไม่กลับมาฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง คาดว่าผู้ได้รับประโยชน์ส่วนใหญ่น่าจะเป็นผู้ประกอบการขนาดใหญ่ที่อยู่ในระบบภาษี ในขณะที่ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) อาจไม่ได้รับประโยชน์โดยตรงเท่าใดนัก
นอกจากนี้การฟื้นตัวของการบริโภคหลังจากที่มาตรการหมดลง ยังจะขึ้นอยู่กับแรงขับเคลื่อนพื้นฐานของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการท่องเที่ยว รายได้จากการจ้างงาน และรายได้ภาคการเกษตร เป็นสำคัญ
บล. เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า จากมาตรการช็อปดีมีคืนและคนละครึ่ง จะส่งผลดีต่อกลุ่มค้าปลีก ส่วนหนึ่งเพราะบรรยากาศการจับจ่ายที่คึกคักขึ้นในช่วงไตรมาส 4/63 คาดว่าจะเห็นผลผ่านแนวโน้มการฟื้นตัวของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ขณะเดียวกันยังมีปัจจัยสนับสนุนเพิ่มเติม อย่างการเปิดสาขาที่ทยอยเปิดในครึ่งปีหลัง 2563 ซึ่งคิดเป็น 70% ของแผนทั้งปี
ทั้งนี้ ยังคาดว่าจะส่งผลดีต่อกำไรกลุ่มค้าปลีก แต่ภาพรวมกำไรของธุรกิจค้าปลีกปี 2563 คาดว่าจะลดลง 23.8% และกลับมาเติบโตในปี 2564 ราว 36.5%
อย่างไรก็ตาม คาดว่ากลุ่มหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากข่าวนี้แบ่งเป็น
- กลุ่มที่จำหน่ายสินค้าราคาต่อชิ้นสูงและสินค้าไอที
เช่น HMPRO, DOHOME, COM7, SPVI, CRC
กลุ่มอุปโภคบริโภค
เช่น CPALL, BJC, MAKRO
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล