ดีลควบรวมกิจการระหว่างบริษัทเฟียต ไครสเลอร์และเรโนลต์ สองแบรนด์รถยนต์รายใหญ่ของโลก ยังไม่เกิดขึ้น หลังเฟียต ไครสเลอร์ขอถอนข้อเสนอมูลค่ารวม 3.3 หมื่นล้านยูโร สืบเนื่องจากรัฐบาลฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของเรโนลต์ แทรกแซงการเจรจา
ผู้ผลิตยานยนต์สัญชาติอเมริกัน-อิตาเลียน ระบุในแถลงการณ์ว่า หลังการประชุมบอร์ดบริหารเมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.) ทาง FCA (Fiat Chrysler Automobiles) ตัดสินใจถอนข้อเสนอ เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถผลักดันข้อตกลงให้เดินหน้าต่อได้ หลังตัวแทนรัฐบาลฝรั่งเศสขอเลื่อนการลงมติ
ปัจจุบันรัฐบาลฝรั่งเศสถือหุ้นในเรโนลต์มากกว่า 15% ขณะที่บริษัทนิสสันของญี่ปุ่นถือหุ้นจำนวน 15%
“มันชัดเจนว่าสถานการณ์การเมืองในฝรั่งเศสไม่เอื้อต่อการควบรวมกิจการให้สำเร็จ” เฟียต ไครสเลอร์ ระบุ
ก่อนหน้านี้สองฝ่ายคาดหวังว่า เมื่อควบรวมบริษัทกันได้แล้ว ผู้ถือหุ้นจากสองบริษัทจะถือหุ้นจำนวน 50% เท่ากัน และดีลนี้จะช่วยเสริมสร้างแบรนด์ผู้ผลิตให้เป็นผู้นำตลาดยานยนต์ของโลก อีกทั้งช่วยลดต้นทุนจำนวนมหาศาล เพื่อที่ว่าบริษัทจะได้โฟกัสไปที่การพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าและรถขับเคลื่อนอัตโนมัติ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีโมบิลิตีแห่งอนาคต
ด้าน บรูโน เลอ แมร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของฝรั่งเศส ชี้แจงว่า ทางรัฐบาลได้เข้าร่วมเจรจากับพาร์ตเนอร์ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ แต่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ โดยสาเหตุส่วนหนึ่งเป็นเพราะขาดการสนับสนุนที่ชัดเจนจากนิสสัน
ข่าวการถอนข้อเสนอของเฟียต ไครสเลอร์ ทำให้ราคาหุ้นเรโนลต์ร่วงลงเกือบ 7% ในการซื้อขายวันนี้ (6 มิ.ย.)
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
