วันนี้ (1 สิงหาคม) ที่สำนักงานประธานศาลฎีกา (สนามหลวง) คณะบรรณาธิการ, นักวิชาการ, นักศึกษา, นักสิทธิมนุษยชน, ศิลปิน, และประชาชน เช่น สุชาติ สวัสดิ์ศรี อดีตศิลปินแห่งชาติ, ทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนบ้านกาญจนาภิเษก, วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ สื่อมวลชนอิสระ อดีตรองผู้อำนวยการด้านข่าวและรายการ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส และตัวแทนจากสภานักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ฯลฯ นำ 13,839 รายชื่อของประชาชนจากแคมเปญ ‘ขอศาลยืนหยัดข้างประชาชน ปล่อยบุ้ง ใบปอ และนักโทษการเมือง’ บน Change.org/FreeOurFriends2022 และจดหมายเปิดผนึกยื่นต่อ ปิยกุล บุญเพิ่ม ประธานศาลฎีกา (หรือตัวแทน) ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
ตามที่ ใบปอ-ณัฐนิช ดวงมุสิทธิ์ และ บุ้ง-เนติพร เสน่ห์สังคม สองนักกิจกรรมจากกลุ่มทะลุวังทำโพลสำรวจความคิดเห็น ตั้งคำถาม ‘ขบวนเสด็จสร้างความเดือดร้อนหรือไม่?’ จนเป็นเหตุให้ทั้งสองถูกตั้งข้อหาว่ากระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และถูกคุมขังอยู่ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง ตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2565 ต่อมาทั้งสองได้แสดงจุดยืนต่อศาลที่มีคำสั่งไม่ให้สิทธิประกันตัว โดยการอดอาหาร และในวันที่ 1 สิงหาคม 2565 ทั้งใบปอและบุ้งอดอาหารรวมแล้ว 61 วัน และถูกคุมขัง 91 วัน
ร่างกายของทั้งสองเผชิญอาการวิกฤต กล่าวคือ ขณะนี้บุ้งมีภาวะโพแทสเซียมต่ำจนอาจเป็นผลให้กล้ามเนื้อหัวใจอาจตายเฉียบพลันและหัวใจวายได้ บุ้งถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์กลางดึกถึง 2 ครั้งด้วยอาการหมดสติ หายใจเองปกติไม่สะดวก ต้องหายใจทางปากร่วมด้วย
ส่วนใบปอที่อายุเพียง 20 ปี และกำลังศึกษาอยู่ปีการศึกษาที่ 1 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ไม่สามารถประคองตัวเองเพื่อเคลื่อนไหวร่างกายได้อีกแล้ว ต้องมีผู้ช่วยพยุง ปวดแสบท้องและอาเจียนอยู่บ่อยครั้ง อีกทั้งการถูกคุมขังอย่างไม่เป็นธรรมกว่า 3 เดือน ยังส่งผลให้ใบปอต้องขาดสอบและกำลังจะพ้นสถานะนักศึกษา
คณะทนายความได้ยื่นประกันตัวทั้งสองมาแล้ว 7 ครั้ง ทว่าศาลอาญากรุงเทพใต้มีคำสั่งไม่ให้ประกัน โดยมีใจความสำคัญ เช่น ข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองมีสุขภาพทรุดโทรมจนอาจถึงอันตรายแก่ชีวิต, โรงพยาบาลราชทัณฑ์มีแพทย์ที่สามารถดูแลและรักษาผู้ต้องขังที่ป่วยได้อย่างดีอยู่แล้ว, สุขภาพโดยรวมของจำเลยทั้งสองยังเป็นปกติตามบันทึกข้อความของแพทย์ผู้ตรวจรักษา, กรณียังไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม จึงให้ยกคำร้อง ทั้งๆ ที่พยาบาลผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลราชทัณฑ์เบิกความต่อศาล ยืนยันว่าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ไม่มีเครื่องมือทางการแพทย์ หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และมีความจำเป็นต้องส่งตัวผู้ป่วยไปตรวจรักษายังโรงพยาบาลข้างนอก
นอกจากบุ้งและใบปอ ยังมีศึกษาและประชาชนไม่ต่ำกว่า 31 คนที่ถูกคุมขังอย่างไม่เป็นธรมในขณะนี้ เราเห็นว่า ศาลพึงยึดมั่นหลักสันนิษฐานว่าผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้บริสุทธิ์ ดังที่รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 มาตรา 29 วรรค 2 และ 3 ได้บัญญัติรับรองสิทธิว่า “ในคดีอาญา ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีความผิด และก่อนมีคำพิพากษาอันถึงที่สุดแสดงว่าบุคคลใดได้กระทำความผิด จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทำความผิดมิได้”
การใช้ดุลพินิจของศาล ไม่ว่าจะเป็นคดีใด ควรเที่ยงตรงด้วยเกียรติของข้าราชการตุลาการ และดำรงสถานะกลไกสำคัญในการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพประชาชน ศาลพึงยึดมั่นหลักการที่เชื่อว่าผู้ต้องหาต้องเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะถูกตัดสินว่ามีความผิด และให้สิทธิการปล่อยตัวชั่วคราวอย่างเป็นธรรม ไม่สองมาตรฐานกับคดีการเมือง ไม่ละเมิดกฎหมาย หรือละเมิดสิทธิมนุษยชน หรือใช้ดุลพินิจตีความกฎหมายเพื่อจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน
พวกเราจึงขอเรียกร้องให้ศาลยืนหยัดนำพาเหล่าผู้พิพากษาคุ้มครองสิทธิประชาชนให้เห็นเป็นประจักษ์อย่างกล้าหาญ และปฏิบัติตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ด้วยการปล่อยตัวชั่วคราวบุ้ง ใบปอ และนักโทษการเมืองทุกคนที่คดียังไม่ถูกตัดสินว่ามีความผิด ทุกการตัดสินใจและคำวินิจฉัยของท่านจะได้รับการบันทึกในประวัติศาสตร์ของประเทศชาติและประวัติศาสตร์ของสถาบันตุลาการต่อไป
ด้วยความเชื่อมั่นในความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย เกียรติของสถาบันตุลาการ