เงื่อนไขลดวันกักตัวเดินทางเข้าประเทศต่ำสุดเหลือ 7 วัน
วันนี้ (9 มีนาคม) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แถลงผลการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ที่กระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมาว่า การประชุมหารือกันหลายประเด็น ต้องเสนอต่อที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. อนุมัติ 3 เรื่องหลัก คือ
เรื่องที่ 1 การออกใบรับรองการฉีดวัคซีน โดยคนกลุ่มแรกที่จะได้รับเอกสารรับรองจะเป็นผู้ฉีดวัคซีนเข็มแรกจากบริษัท Sinovac เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ และเข็มที่ 2 ในวันที่ 21 มีนาคม ออกโดยสถานพยาบาลที่ฉีดวัคซีน ไม่มีค่าใช้จ่าย
อนุทินกล่าวว่า หากต้องการเดินทางไปต่างประเทศ สามารถนำใบรับรองไปขอรับวัคซีนพาสปอร์ตหรือสมุดเล่มเหลืองได้ที่สถานพยาบาล มีค่าธรรมเนียมเล่มละ 50 บาท และเพิ่มอีก 50 บาท สำหรับฉบับอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนการใช้วัคซีนพาสปอร์ตในต่างประเทศจะรับรองอย่างไรเป็นเรื่องของแต่ละประเทศ อยู่ในการดำเนินการจากแต่ละประเทศอยู่
ส่วนเรื่องที่ 2 การลดวันกักตัวสำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศไทยที่ได้รับวัคซีนครบถ้วนแล้ว ที่ประชุมเห็นชอบให้ดำเนินการ ดังนี้
กรณีที่ 1 ผู้ไม่มีสัญชาติไทยที่มีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนครบถ้วน อย่างน้อย 14 วัน และไม่เกิน 3 เดือนก่อนเดินทางถึงไทย และมีเอกสารรับรองการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ให้ลดวันกักตัวเหลือ 7 วัน ยกเว้นผู้เดินทางมาจากทวีปแอฟริกายังคงต้องกักตัว 14 วัน ป้องกันไวรัสกลายพันธุ์
กรณีที่ 2 ผู้มีสัญชาติไทยที่มีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนครบถ้วน อย่างน้อย 14 วัน และไม่เกิน 3 เดือนก่อนเดินทางถึงไทย แต่ไม่มีเอกสารรับรองการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ให้ลดวันกักตัวเหลือ 7 วัน
และกรณีที่ 3 ผู้ที่ไม่มีสัญชาติไทยและไม่มีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน มีเพียงเอกสารรับรองการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ให้กักตัวเหลือ 10 วัน
สำหรับมาตรการนี้จะให้เริ่มในเดือนเมษายน จากนั้นในเดือนตุลาคม หากการฉีดวัคซีนให้บุคลากรทางการแพทย์ กลุ่มเสี่ยงต่อการป่วยรุนแรง ประชาชนที่ทำงานเกี่ยวข้องกับธุรกิจท่องเที่ยวมากขึ้นตามเป้าหมายถึงร้อยละ 70 ก็จะพิจารณาว่าอาจผ่อนคลายให้เข้าประเทศโดยไม่ต้องกักตัว
ภาพประกอบ: พิชามญชุ์ วรรณสาร
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล