วันนี้ (25 มีนาคม) สภากาชาดไทย ได้ส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ประชาชนเมียนมาผ่านสภากาชาดเมียนมา บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 2 อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก
กิ่งกาชาดอำเภอแม่สอดเป็นผู้แทนสภากาชาดไทยส่งมอบถุงยังชีพจำนวน 4,000 ถุง ซึ่งบรรจุข้าวสาร อาหารแห้ง และของอุปโภคบริโภคอื่นๆ สำหรับประชาชนเมียนมาจำนวนประมาณ 20,000 คน ให้แก่ โอง ไว ประธานสภากาชาดเมียนมา สาขาจังหวัดเมียวดี
นอกจากนี้ ในพิธีส่งมอบยังมี สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ผู้แทนจากหน่วยงานและชุมชนท้องถิ่นในจังหวัดตากและรัฐกะเหรี่ยง รวมถึงผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานอาเซียนเพื่อความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการจัดการภัยพิบัติ (AHA Centre) ร่วมเป็นสักขีพยาน
ภายหลังพิธีส่งมอบ ขบวนรถบรรทุกสิ่งของช่วยเหลือได้ข้ามสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 2 เพื่อตรงไปยังพื้นที่นำร่องสามแห่งในรัฐกะเหรี่ยง โดย AHA Centre จะให้การสนับสนุนทางเทคนิคในการสังเกตการณ์การแจกจ่ายถุงยังชีพในพื้นที่นำร่อง เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ น่าเชื่อถือ และโปร่งใส
การส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมครั้งนี้เป็นความร่วมมือทวิภาคีระหว่างไทยกับเมียนมา เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนเมียนมาที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การสู้รบภายในเมียนมา โดยในฐานะประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดของเมียนมา ไทยมีความประสงค์ที่จะให้ความช่วยเหลือแก่ชาวเมียนมาโดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ
ข้อริเริ่มดังกล่าวสะท้อนถึงความปรารถนาดีของไทยต่อประชาชนเมียนมา โดยความสำเร็จของการดำเนินการครั้งนี้เกิดจากความร่วมมือที่ใกล้ชิดระหว่างสภากาชาดของไทยและเมียนมา รวมถึงการสนับสนุนอย่างดียิ่งจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยและเมียนมา และชุมชนท้องถิ่นในจังหวัดตากและรัฐกะเหรี่ยง รวมถึงกลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่
ขณะที่ข้อริเริ่มดังกล่าวยังถือเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานตามฉันทมติ 5 ข้อของอาเซียน โดยได้รับการสนับสนุนจากประเทศสมาชิกอาเซียนทั้งหมดในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (ASEAN Foreign Ministers’ Retreat: AMM Retreat) ณ เมืองหลวงพระบาง สปป.ลาว เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา
โดยหลังจากนี้ไทยจะมีการหารือกับฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับแนวทางการยกระดับการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เพื่อสนับสนุนประชาชนเมียนมาที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การสู้รบในเมียนมาเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในบริเวณชายแดนไทย-เมียนมาต่อไป
ภาพ: กระทรวงการต่างประเทศ