ลิเวอร์พูล, เรอัล มาดริด, บาเยิร์น มิวนิก และโรมา หากบอกชื่อสโมสรเหล่านี้เมื่อช่วงต้นฤดูกาล คุณจะเชื่อหรือไม่ว่านี่คือทีมที่ผ่านเข้ามาสู่รอบรองชนะเลิศ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในปีนี้ แน่นอน ทีมที่มีประสบการณ์ในรายการนี้อย่างเรอัล มาดริด และบาเยิร์น มิวนิก คงไม่เป็นที่น่าแปลกใจอะไร แต่สำหรับทีมอย่างโรมาจากเซเรียอา อิตาลี ที่พลิกชนะบาร์เซโลนา ทีมเต็งแชมป์มาได้อย่างเหนือความคาดหมาย หรือลิเวอร์พูลที่ขับเคลื่อนด้วยพลังและรอยยิ้มของเจอร์เกน คลอปป์ และฝีเท้าของโมฮัมเหม็ด ซาลาห์ จนพวกเขาถูกหลายฝ่ายยกให้เป็นเต็งหนึ่งของการแข่งขันรายการนี้ไปแล้ว
มาถึงวันนี้ เลกแรกของรอบรองชนะเลิศก็ได้ผ่านพ้นไปพร้อมกับสกอร์ลิเวอร์พูลถล่มโรมาไป 5-2 โดยโม ซาลาห์ ยิง 2 จ่าย 2 จนเรียกได้ว่าการยิงประตูที่แอนฟิลด์หนาวไปถึงบัลลังก์แชมป์เก่า 2 สมัยล่าสุดของเรอัล มาดริด ที่ลงสนามแข่งขันกับบาเยิร์น มิวนิก ไปเมื่อคืนวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา
เรอัล มาดริด ก็สร้างตัวเลขบนสกอร์บอร์ดได้สมกับศักดิ์ศรีแชมป์เก่าด้วยการบุกไปเอาชนะบาเยิร์น มิวนิก ได้ถึง 2-1 จากที่โดนเจ้าบ้านนำก่อนจากลูกยิงของโยชัว คิมมิช ก่อนที่มาร์เซโลและมาร์โก อเซนซิโอ จบสกอร์ให้ทีมเยือนตุนความได้เปรียบด้วยอเวย์โกล 2 ลูก เข้าไปสู่เลกที่ 2 ที่พวกเขาจะเปิดบ้านซานติเอโก เบอร์นาบิว ในกรุงมาดริด ประเทศสเปน รับการมาเยือนของบาเยิร์น มิวนิก ในวันที่ 2 พฤษภาคมนี้
เกมนี้แม้ว่าสกอร์จะบ่งบอกว่าเรอัล มาดริด เป็นทีมที่เหนือกว่า แต่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่แพท เนวิน อดีตนักเตะของเชลซี และนักวิเคราะห์ฟุตบอลจาก BBC Radio 5 Live ได้พูดถึงฟอร์มการเล่นของพวกเขาในเกมนี้ไว้ว่า “พวกเขาชนะได้ยังไง?”
“พวกเขาเล่นได้ไม่ดีเลย พวกเขามีนักเตะระดับโลก แต่ถ้าคุณมองทีมอื่น คุณจะรู้สึกตื่นเต้นกับการเล่นเป็นทีมมากกว่านี้”
“สำหรับเรอัล มาดริด เกมนี้ไม่มีอะไรพิเศษเลย ผมไม่สามารถบอกได้ว่าพวกเขาชนะได้ยังไง พวกเขารอดมาได้เพราะโชคช่วย เพราะบาเยิร์น มิวนิก มีโอกาสยิงมากมาย แต่สุดท้ายเป็นเรอัล มาดริด ที่หาทางชนะเจอจนได้”
เช่นเดียวกับ ริโอ เฟอร์ดินานด์ อดีตกองหลังทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พูดกับ BT Sport ไว้ว่า
“เรอัล มาดริด รู้วิธีที่จะเอาชนะได้ พวกเขามีความหยาบคายที่สามารถพาตัวเองไปสู่ชัยชนะ และพวกเขามีนักเตะที่สามารถพลิกเกมได้ในทันที”
เกมนี้เรอัล มาดริด ครองบอลได้เพียง 40% ยิงเข้ากรอบเพียง 7 ลูก โดยศูนย์หน้าความหวังอย่างคริสเตียโน โรนัลโด ไม่สามารถยิงเข้ากรอบเลยแม้แต่ลูกเดียว เทียบกับเจ้าบ้านที่ยิงเข้ากรอบถึง 17 ประตู ซึ่งจุ๊ปป์ ไฮย์เกส กุนซือที่กลับมาช่วยกอบกู้ทีมในฤดูกาลนี้ก็ยอมรับว่าเป็นเรื่องแปลกที่ลูกทีมมีโอกาสยิงประตูหลายครั้งกับทีมอย่างเรอัล มาดริด แต่สุดท้ายพวกเขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนโอกาสเหล่านั้นเป็นประตูได้
“เป็นเรื่องที่แปลกมาก เราไม่เคยมีโอกาสยิงประตูเยอะขนาดนี้ในรอบรองชนะเลิศ โดยเฉพาะกับทีมอย่างเรอัล มาดริด สุดท้ายแล้วเราเองที่เด็ดขาดพอ และเราก็มอบประตูให้กับเรอัล มาดริด”
“เราต้องการทำทุกอย่างเพื่อแก้ไขสถานการณ์นี้ในสัปดาห์หน้า เป็นหน้าที่ของพวกเรา เราไม่สมควรที่จะแพ้ในวันนี้ ผมมั่นใจว่าเราจะทำได้”
ฝั่งผู้สื่อข่าวฟุตบอลจากเยอรมนี อาร์คี ไรด์-ทุตต์ เชื่อว่าบาร์เยิร์น มิวนิก กำลังคิดถึงช่วงเวลากับเป๊ป กวาร์ดิโอลา กุนซือชาวสเปนที่ย้ายไปคุมทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แม้ว่าในช่วงเวลาที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน เป๊ปจะไม่สามารถพาทีมคว้าแชมป์ยุโรปได้ก็ตาม
“มาตรฐานของพวกเขาตกลงหลังเป๊ปย้ายออกจากบาร์เยิร์น มิวนิก มาตรฐานในการเล่น ถ้าคุณพูดกับแฟนบอล พวกเขาจะบอกเลยว่าไม่ได้เห็นมาตรฐานเดิมหลังจากที่เป๊ปย้ายออกไป พวกเขาคิดถึงเป๊ป”
แต่แม้ว่าเรอัล มาดริด จะสร้างความได้เปรียบก่อนเหมือนกับเกมที่พวกเขาพบกันในรอบ 8 ทีมสุดท้ายของยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกเมื่อฤดูกาลที่แล้ว แต่สถานการณ์ในเกมต่อไปนี้เปลี่ยนแปลงไปมาก เพราะพวกเขาก็เกือบตกเป็นเหยื่อความประมาทเหมือนสโมสรร่วมลีกอย่างบาร์เซโลนาในรอบ 8 ทีมสุดท้ายที่ผ่านมากับยูเวนตุส
“เป็นเรื่องยากที่เราจะชนะที่นี่ เรารู้ดี เราทำได้ดีกว่านี้ไหม แน่นอน แต่เราสามารถพอใจกับผลการแข่งขันได้ ในเลกที่ 2 เราก็ต้องต่อสู้ต่อไป งานของพวกเรายังไม่จบ ไม่มีวันจบ เรามีความสุขกับผลการแข่งขัน แต่เรารู้ว่าจะพบกับงานยากในเลกที่ 2 แน่นอน เราต้องมีสมาธิ เพราะถ้าเราไม่โฟกัส เราจะพบเจอกับช่วงเวลาที่ย่ำแย่อย่างแน่นอน”
แม้ว่าเราได้เห็นปาฏิหาริย์ที่กรุงโรมมาแล้วที่โรมาพลิกกลับมาชนะบาร์เซโลนาได้อย่างเหลือเชื่อ จากผลการแข่งขันในเลกแรกก็ทำให้หลายคนเริ่มพูดถึงคู่ชิงระหว่างเรอัล มาดริด กับลิเวอร์พูล เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยทาง ฆวน คาสโคร นักข่าวฟุตบอลจากสเปน ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านทางวิทยุ BBC Radio 5 Live ว่า
“แฟนบอลของเรอัล มาดริด กำลังหวาดกลัวสไตล์การเล่นของเจอร์เกน คลอปป์ จริงอยู่ที่ลิเวอร์พูลอาจเสีย 3-4 ประตู แต่พวกเขาก็สามารถยิงได้ 3-4 ประตูเช่นกัน ฉะนั้นคนที่เรอัล มาดริด คงไม่ค่อยมีความสุขเท่าไรหากเขาต้องพบกับลิเวอร์พูลในรอบชิงชนะเลิศ เพราะในเกมเดียวกับลิเวอร์พูล อะไรก็เกิดขึ้นได้”
ศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในปีนี้ แม้ว่าหลายคนจะค่อนข้างมั่นใจแล้วว่าคู่ชิงจะเป็นเรอัล มาดริด ยักษ์ใหญ่แห่งวงการฟุตบอลยุโรปที่มีสถิติคว้าแชมป์รายการนี้มากที่สุดที่ 12 สมัย จะมาพบกับทีมที่เปี่ยมล้นด้วยแรงบันดาลใจจากเจอร์เกน คลอปป์ กุนซือบ้าพลังที่เรียกฟุตบอลแบบของตัวเองกับทีมลิเวอร์พูลว่าเพลงเฮฟวีเมทัล ซึ่งมีโมฮัมเหม็ด ซาลาห์ นักเตะที่หลายคนเริ่มยกเขาขึ้นไปเทียบชั้นนักฟุตบอลระดับหัวแถวกับคริสเตียโน โรนัลโด และลิโอเนล เมสซี เป็นกำลังสำคัญในการสร้างปาฏิหาริย์เข้ามาสู่รอบรองชนะเลิศในปีนี้
แต่ก็เหมือนกับบทเรียนทุกอย่างที่เกิดขึ้นในรอบ 8 ทีมสุดท้ายที่ความประมาททำให้บาร์เซโลนาตกรอบมาแล้วในเลกที่ 2 ซึ่งหากทีมใดประมาทก็อาจต้องพบกับชะตากรรมเดียวกันได้อย่างแน่นอน เพราะทางยูเซบิโอ ดิ ฟรานเชสโก ก็ได้ประกาศชัดเจนแล้วว่าพวกเขาก็พร้อมเช่นกันที่จะสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นเป็นครั้งที่ 2
“มันยังไม่จบ และนั่นเป็นสิ่งที่เราทำให้เห็นมาแล้วในอดีต ในรอบที่แล้วโรมาพลิกกลับมาชนะบาร์เซโลนาจากการตามหลังอยู่ถึง 3 ประตู
“ใครก็ตามที่ไม่มีความเชื่อก็ควรจะอยู่บ้าน และนั่นหมายรวมถึงแฟนบอลในสนามด้วย”
Photo: AFP
อ้างอิง:
- www.theguardian.com/football/2018/apr/25/mohamed-salah-ronaldo-messi-ballon-dor-liverpool
- www.theguardian.com/football/2018/apr/25/bayern-munich-real-madrid-champions-league
- www.theguardian.com/football/video/2018/apr/25/those-who-dont-believe-should-stay-home-says-romas-eusebio-di-francesco
- www.bbc.co.uk/programmes/p065cl6s
- www.bbc.com/sport/football/43902142