กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า หลังการเปิดลงทะเบียนโครงการเราชนะ สำหรับประชาชนกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ เช่น ไม่มีสมาร์ทโฟน, คนที่ลงทะเบียนด้วยตนเองไม่สำเร็จเนื่องจากข้อมูลส่วนบุคคลไม่ถูกต้อง พบว่า วันที่ 15-17 กุมภาพันธ์ มียอดผู้ลงทะเบียนรวม 327,066 คน (ณ เวลา 15.30 น.)
โดยจะขยายเวลาให้ลงทะเบียนเพื่อขอคัดกรองคุณสมบัติถึง 5 มีนาคม โดยไม่จำกัดจำนวนสิทธิ์
ทั้งนี้ การลงทะเบียนกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ต้องไปลงทะเบียนด้วยตนเอง และต้องมีบัตรประจำตัวประชาชนแบบสมาร์ทการ์ด (Smart Card) เพื่อลงทะเบียนที่สาขาหรือจุดบริการเคลื่อนที่ของธนาคารกรุงไทย (และเพื่อใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์) โดยไม่สามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่นดำเนินการแทนได้ เพราะการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อยืนยันตัวตน
ขณะที่กลุ่มประชาชนที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง และกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติเบื้องต้น แต่ไม่สามารถขอรับสิทธิ์โครงการได้ เนื่องจากคุณสมบัติของผู้สมัครเข้าร่วมโครงการไม่เป็นไปตามมติของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2564 กรณีข้าราชการการเมือง, ข้าราชการ, พนักงานราชการ, พนักงาน, ลูกจ้าง และเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐที่รับค่าตอบแทนโดยตรงจากหน่วยงานของรัฐ และไม่มีลักษณะของงานที่เป็นอาสาสมัครหรือเป็นการจ้างรายวัน รวมถึงผู้รับบำนาญปกติ สามารถสละสิทธิ์ทางเว็บไซต์ www.เราชนะ.com ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ทั้งนี้ หากผู้ปฏิบัติงานในหน่วยของรัฐที่มีลักษณะงานเป็นอาสาสมัครหรือการจ้างรายวัน และได้รับค่าตอบแทนจากหน่วยงานของรัฐโดยตรง ผ่านเกณฑ์การคัดกรองของโครงการ สามารถยืนยันการใช้สิทธิ์ผ่านแถบ (Banner) ‘เราชนะ’ ที่ปรากฏในแอปพลิเคชัน ‘เป๋าตัง’ ได้
ทั้งนี้ โครงการได้มีการโอนวงเงินสิทธิ์ให้แก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (กลุ่มผู้ถือบัตรฯ) จำนวน 13.69 ล้านคน ไปแล้วจำนวน 2 ครั้ง โดยจากข้อมูลล่าสุด ( ณ 17 กุมภาพันธ์) กลุ่มผู้ถือบัตรฯ มียอดการใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยไปแล้วกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล