วันนี้ (16 กุมภาพันธ์) คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร นำโดย รังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธาน กมธ. ลงพื้นที่ท่าข้ามสินค้าหมายเลข 28 ตำบลช่องแคบ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก
เพื่อตรวจดูท่าข้ามเอกชนที่ได้รับอนุญาตขนถ่ายสินค้าตามกฎหมาย โดยฝั่งตรงข้ามประเทศไทยมีการก่อสร้างอาคารเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นแหล่งที่ตั้งของสแกมเมอร์ที่มีข้อมูลว่าเป็นจุดที่ทารุณกรรมเหยื่อรุนแรงที่สุด ซึ่งดูแลโดยกองทัพกะเหรี่ยงพุทธประชาธิปไตย (DKBA)
เมื่อรังสิมันต์เดินทางมาถึง ได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ทหารที่ดูแลริมชายแดน รวมถึงเจ้าหน้าที่ศุลกากรถึงปัญหาในพื้นที่ โดยเจ้าหน้าที่ยืนยันว่า ปัจจุบันไม่มีเสาสัญญาณอินเทอร์เน็ตใดหันไปทางฝั่งตรงข้ามที่เป็นพื้นที่ของสแกมเมอร์แล้ว เพราะกลุ่มสแกมเมอร์เปลี่ยนไปใช้จานดาวเทียมโคจรต่ำ หรือสตาร์ลิงก์แทนแล้ว ก่อนที่รังสิมันต์จะเดินไปดูแพยนต์ส่งสินค้า
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะต้องพูดคุยกับฝ่ายศุลกากรหรือไม่ในการตรวจสอบสินค้า เพื่อป้องกันการลักลอบส่งสตาร์ลิงก์ รังสิมันต์กล่าวว่า จากนี้จะต้องไปคุยกันว่าจะมีมาตรการอย่างไร รวมถึงมีข้อกฎหมายอะไรบ้าง เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าพวกนี้ถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์อะไร
เมื่อถามถึงปัญหาการดึงสัญญาณดาวเทียมสตาร์ลิงก์มาใช้ในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รังสิมันต์กล่าวว่า เราเข้าใจว่ามีการกระตุ้นสัญญาณมาจากที่อื่นและส่งมาที่ประเทศเมียนมา ซึ่งต้องไปพิจารณาว่าใช้ได้หรือไม่ โดยเมียนมามีคนได้รับผลกระทบจากสงคราม 3 ล้านคน เขาก็ควรได้ใช้อินเทอร์เน็ต ขณะเดียวกันก็มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อาศัยด้านมนุษยธรรมเพื่อประโยชน์ของตัวเอง
ดังนั้นเรื่องสตาร์ลิงก์หากควบคุมดีๆ มันก็พอได้ หากรู้พิกัดว่าตรงไหนที่เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็น่าจะควบคุมได้ แต่ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลมาก คงต้องหาโอกาสพูดคุย
เมื่อถามว่า ในอนาคตสตาร์ลิงก์ควรถูกกฎหมายในประเทศไทยหรือไม่ รังสิมันต์กล่าวว่า อย่าเพิ่งรีบฟันธง อาจจะต้องมีข้อมูลมากกว่านี้