วันนี้ (23 พฤศจิกายน) ช่วงเย็นที่ผ่านมา รักชนก ศรีนอก หรือ ไอซ์ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง เดินทางเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาล (สน.) ปากคลองสาน กรณีที่โพสต์แจ้งความดำเนินคดีกับ ยุทธเลิศ สิปปภาค หรือ ต้อม ยุทธเลิศ ผู้กำกับภาพยนตร์ โดยระบุก่อนหน้านี้ผ่านเฟซบุ๊กตนเองว่า ถูกตบหน้าและทำร้ายร่างกาย เหตุเกิดที่เรือลำหนึ่งย่านคลองสาน กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา
รักชนกเปิดเผยว่า เหตุการณ์วันดังกล่าวเริ่มต้นจากการไปร่วมงานงานหนึ่ง แต่ไม่ขอพาดพิงถึง และในงานมีเรือ ซึ่งหนึ่งในผู้จัดงานชวนขึ้นไปบนเรือ แล้วตนเองได้คุยกับผู้จัดงาน ผู้จัดงานก็บอกว่า ยุทธเลิศอยู่บนเรือ มีการถามว่าจะคุยกันหรือไม่ แต่ระหว่างร่วมงาน ยุทธเลิศรู้ว่ามีตนเองอยู่ก็เริ่มไม่พอใจ สักพักก็มีคนเดินมาบอกว่า ยุทธเลิศพร้อมคุยแล้วจะเคลียร์กันหรือไม่ ตอนแรกเพื่อนก็ห้ามไว้ แต่ก็คุยกันว่าถ้าไปคุยแล้วขอโทษเรื่องก็จะได้จบ ตนเองเลยตัดสินใจขึ้นไปคุยเพื่ออยากให้จบ แต่พอขึ้นไปบรรยากาศค่อนข้างเหมือนมาเฟีย ตนเองเลยแกล้งแซวเล่น และมีคนในกลุ่มของยุทธเลิศพูดว่า คารวะพี่ผมหน่อย และเขาก็พูดว่า มึงเล่นกับมาเฟียจีนอยู่ไม่รู้เหรอ หลังจากนั้นก็สนทนากัน แล้วมีจังหวะที่ยุทธเลิศเดินเข้ามาตบหน้าข้างขวา ตามที่ตนเองได้เล่าเหตุการณ์ผ่านเฟซบุ๊กไป ซึ่งยืนยันว่าขณะนั้นยังไม่มีการพูดขอโทษอะไรกัน
รักชนกยอมรับว่า ตนเองได้พูดบอกให้ยุทธเลิศกราบเท้าจริง เนื่องจากยุทธเลิศตบหน้าและถีบตนเอง และต้องการให้มีการดำเนินคดีจนถึงที่สุด
รักชนกเปิดเผยอีกว่า วันนี้นำหลักฐานและมีพยานบุคคลมามอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนกรณีที่มีคลิปภาพและเสียงนั้น ยืนยันว่ามีจริง และพร้อมเปิดเผยหากทนายความยินยอมให้เปิดเผย และพร้อมมอบให้กับตำรวจถ้าตำรวจต้องการ ซึ่งในคลิปเสียงยืนยันการกระทำที่สามารถใช้เป็นหลักฐานเอาผิดได้
ทั้งนี้ กรณีที่มีการตั้งคำถามว่ามีร่องรอยทำร้ายหรือไม่นั้น รักชนกมองว่า การทำร้ายร่างกายไม่จำเป็นต้องมีรอยฟกช้ำก็ถือว่าเป็นความผิดแล้ว
ส่วนกรณีมีอาการเมา รักชนกเปิดเผยว่า เป็นการกล่าวหา ยืนยันว่าตนเองไม่ได้เมา พร้อมขอร้องว่า อย่าใช้คำว่าคนเมาทะเลาะกัน เพราะตนเองแทบจะไม่ได้แตะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จึงขออย่าใช้คำว่าเป็นคนเมาแล้วจะมาทำอะไรแบบนี้ได้
รักชนกเปิดเผยอีกด้วยว่า หลังจากนี้หากมีผู้ใหญ่ให้ไกล่เกลี่ย ตนก็ยินดี เพราะการเคลียร์กันก็จะดีต่อขบวนการที่กำลังขับเคลื่อนกันอยู่ แต่การดำเนินคดีตามกฎหมายก็จะต้องดำเนินไป จะมาไกล่เกลี่ยเรื่องคดีไม่ได้ ทั้งนี้ ที่จะต้องดำเนินคดีก็เพื่อให้เกิดบรรทัดฐานสังคม ไม่ว่าจะมีชื่อเสียงก็ไม่ควรไปทำร้ายใคร และความหลากหลายทางเพศไม่ควรมีใครได้รับผลแบบนี้ ไม่ว่าจะด้วยการบันดาลโทสะหรืออะไรก็แล้วแต่
ส่วนเรื่องการขอโทษ รักชนกกล่าวว่า ก็ให้เป็นสามัญสำนึกส่วนตัว แล้วแต่เขา และย้ำด้วยว่า การขึ้นไปบนเรือของตนเองไม่ได้ไปหาเรื่องแต่ต้องการไปขอโทษ จากกรณีที่เป็นประเด็นใน Clubhouse ที่ตนเองไปตั้งคำถามกรณีของ ทราย เจริญปุระ ก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ ก็มีผู้ใหญ่อยากให้เรื่องจบเร็วและอยากให้คุยกัน ซึ่งตนเองก็ยินดีที่จะคุย แต่ต้องไม่ใช่การคุยกันตอนเมาแล้ว
หลังให้สัมภาษณ์เสร็จสิ้น รักชนกได้ขึ้นไปให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน พร้อมกับทนายความ และพยานบุคคล รวมทั้งหมด 3 คน ที่อยู่บนเรือในวันดังกล่าว ซึ่ง 1 ใน 3 คนนั้นอยู่กับรักชนกตั้งแต่เกิดเหตุและเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างด้วย
