หนึ่งในงานปฏิรูปที่รัฐบาล คสช. นำโดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ชูธงมาโดยตลอดก็คือ การปฏิรูปตำรวจ หรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีการตั้งกรรมการขึ้นมาเพื่อดำเนินการเรื่องนี้ โดยในชุดที่มีนายมีชัย ฤชุพันธ์ุ เป็นประธาน ภายใต้คณะกรรมการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ ได้มีการประชุมเมื่อไม่นานมานี้ ถึงกรอบการจัดทำกฎหมายฉบับดังกล่าว
ซึ่งในเวลาต่อมา นายคำนูณ สิทธิสมาน กรรมการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ… เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ…. ครั้งที่ 8 เมื่อเย็นวันจันทร์ที่ 7 พฤษภาคม ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งมีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน ได้พิจารณาประเด็นถ่ายโอนงานที่ไม่ใช่งานตำรวจแท้ออกไปให้องค์กรอื่นที่มีความพร้อม โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดใหญ่ คือ
1. งานจราจรทั้งหมด และการรักษาความสงบ ให้เป็นภารกิจของท้องถิ่นทั่วประเทศ ภายในระยะเวลา 10 ปี
2. งานอำนวยความสะดวกในการจราจร งานกวดขันวินัยจราจร และงานบังคับใช้กฎหมายจราจร เฉพาะความผิดฐานจอดรถโดยฝ่าฝืนกฎหมายให้โอนให้ท้องถิ่นภายในระยะเวลา ดังนี้ สำหรับเมืองพิเศษ อาทิ กทม. และเทศบาลนคร ให้โอนภายใน 2 ปี สำหรับเทศบาลเมือง ให้โอนภายใน 3 ปี ส่วนท้องถิ่นอื่น ให้เป็นไปตามกำลังความสามารถ
นายคำนูณ ระบุอีกว่า ในการประชุมกรรมการได้ลงลึกในการถ่ายโอนภารกิจของหน่วยตำรวจบางประเภทที่หมดความจำเป็นในสถานการณ์ปัจจุบัน สมควรถ่ายโอนงานให้หน่วยงานอื่นที่มีความพร้อมและเหมาะสม โดยเริ่มที่ตำรวจรถไฟ ที่ประชุมเห็นควรให้ถ่ายโอนภารกิจของตำรวจรถไฟในส่วนที่ดูแลความปลอดภัยภายในขบวนรถไฟให้แก่การรถไฟแห่งประเทศไทย หรือหน่วยงานอื่นที่เป็นเจ้าของรถไฟในส่วนที่เกี่ยวกับการดูแลคดีที่เกิดในขบวนรถไฟ ให้อยู่ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และสถานีตำรวจที่ขบวนรถไฟแล่นผ่าน โดยให้เจ้าพนักงานสอบสวนตามรายทางรถไฟมีอำนาจสอบสวนได้
เนื่องจากการตั้งหน่วยตำรวจรถไฟ ตามวัตถุประสงค์เดิมในอดีต เพื่อการดูแลการก่อสร้างทางรถไฟได้หมดไปแล้ว และปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่สามารถดูแลความปลอดภัยในขบวนรถไฟได้หลากหลายและมีประสิทธิภาพ
มีรายงานว่า ในการประชุมครั้งต่อไปจะได้พิจารณากันถึงหน่วยตำรวจตรวจคนเข้าเมือง โดยได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลประกอบการพิจารณาด้วย
สำหรับภารกิจการปฏิรูปตำรวจ ยังคงมีคำถามมาโดยตลอดว่า นอกจากการปฏิรูปโครงสร้างต่างๆ แล้ว ในส่วนสวัสดิการของกำลังพลและนโยบายด้านอื่นๆ จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ยังคงเป็นคำถามทั้งจากคนในและคนนอกที่จับตาดูการปฏิรูปครั้งนี้ว่าจะสำเร็จมากขนาดไหน
