วันนี้ชาวเมืองลิเวอร์พูลทั้งลิเวอร์พัดเลียน (แฟนหงส์) และเอฟเวอร์โตเนียน (แฟนทอฟฟี่) ตกอยู่ในสถานการณ์ที่พวกเขาไม่เคยพบเจอมาก่อนครับ หลังจากที่ ราฟาเอล เบนิเตซ อดีตกุนซือระดับตำนานของลิเวอร์พูลกลายมาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ของเอฟเวอร์ตัน
กุนซือชาวสเปนผู้นี้จึงกลายเป็นคนที่สองในประวัติศาสตร์ 143 ปีที่ได้คุมทั้งสองสโมสรยักษ์ใหญ่แห่งเมอร์ซีย์ไซด์ เรียกว่าเดินข้ามสวนสแตนลีย์กันเลยทีเดียว! (คนแรกคือ วิลเลียม เอ็ดเวิร์ด บาร์เคลย์ ที่คุมเอฟเวอร์ตันในปี 1888 และเป็นผู้จัดการทีมคนแรกของลิเวอร์พูลที่แยกตัวออกมาในปี 1892)
ย้อนกลับไปในช่วง 1-2 สัปดาห์ก่อนหน้านี้ที่เริ่มมีกระแสข่าวขึ้นมา ผมเองลองเลียบๆ เคียงๆ สอบถามในกลุ่มของแฟนบอลเดอะ ค็อปมาบ้างว่าพวกเขารู้สึกอย่างไรต่อการที่ ‘El Boss’ มีโอกาสจะเป็นผู้จัดการทีมเอฟเวอร์ตัน
ที่ต้องถามเพราะส่วนตัวแล้วผมเองก็ปรับความรู้สึกไม่ถูกเหมือนกันครับ ระหว่าง ราฟาเอล เบนิเตซ กับลิเวอร์พูลนั้นความผูกพันไม่ใช่แค่เรื่องขององค์กับลูกจ้างธรรมดา ตลอดระยะเวลาเกือบ 20 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่เขารับตำแหน่งต่อจาก เชราร์ อุลลิเยร์แล้ว นี่คือกุนซือที่แฟนลิเวอร์พูลรักมากที่สุดคนหนึ่ง
มากไปกว่านั้นเขาก็ยังเป็นผู้จัดการทีมที่รักสโมสรแห่งนี้มากที่สุดคนหนึ่งด้วย เป็นคนที่เข้าใจในรากเหง้าความเป็นมาของสโมสร เป็นคนที่หากมีอะไรจะทำเพื่อสโมสรแห่งนี้ได้ก็ทำ (จนเดอะ ค็อปแอบแซวว่าไม่ว่าราฟาเอลจะไปอยู่ทีมไหนก็จะส่งของดีมาให้ลิเวอร์พูลเสมอ)
ทุกปีเบนิเตซจะมาร่วมพิธีรำลึกถึงผู้เสียชีวิตจากเหตุโศกนาฏกรรมที่สนามฮิลส์โบโรห์ และปัจจุบันเขาก็ยังคงอาศัยอยู่ในบ้านที่ย่านวีร์รัล ในเมืองลิเวอร์พูล
แล้วอะไรที่ทำให้เขาตกลงไปรับงานคู่ปรับร่วมเมือง? และมันจะนำไปสู่อะไรได้บ้าง?
ลองมามอง ‘ปรากฏการณ์’ นี้ไปด้วยกันนะครับ
สถานะของราฟาเอลในครอบครัวลิเวอร์พูล
ความพิเศษอย่างหนึ่งสำหรับทีม ‘หงส์แดง’ คือการที่พวกเขาไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นสโมสรฟุตบอลธรรมดา แต่พยายามบอกเสมอว่าทุกคนที่เข้ามาอยู่ในแอนฟิลด์คือ ‘ครอบครัว’
แน่นอนครับว่าถึงจะเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่สถานะของสมาชิกในครอบครัวนั้นไม่เท่ากัน นักฟุตบอลบางคนอยู่กับสโมสรไม่นานแต่เป็นที่รักจนทุกวันนี้ ยกตัวอย่างเช่น หลุยส์ การ์เซีย กองหน้าชาวสเปน ขณะที่บางคนอย่าง ไมเคิล โอเวน รับใช้สโมสรมาตั้งแต่เด็ก แต่เส้นทางอาชีพพลิกผันไปอยู่กับทีมคู่แค้นตลอดกาล ถึงเรื่องจะผ่านมานานแล้วก็ยังไม่ได้รับการยอมรับจากแฟนบอลเหมือนเดิม
สำหรับ ราฟาเอล เบนิเตซ ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับลิเวอร์พูลนั้นดีมาก ผลงานในช่วง 5 ฤดูกาลที่คุมทีมที่ยกระดับจากทีมระดับรองมาเป็นทีมชั้นนำของอังกฤษและยุโรป ได้แชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในเกมปาฏิหาริย์แห่งอิสตันบูลในปี 2005 รวมถึงแชมป์เอฟเอคัพ ในปี 2006 เป็นสิ่งที่เดอะ ค็อปไม่มีวันลืม
และอย่างที่บอก ราฟาเอลผูกพันกับสโมสรและชาวเมืองมาก
การที่เขาตกลงรับงานคุมทีมเอฟเวอร์ตันจึงเป็นสิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายมากครับ เพราะไม่มีใครกล้าคิดว่าจะมีอดีตผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลที่จะได้รับข้อเสนอหรือตกลงรับงานคุมทีมคู่ปรับร่วมเมืองอย่างเอฟเวอร์ตัน
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ท้าทายความรู้สึกอย่างมากว่าเดอะ ค็อปจะมองราฟาเอลเหมือนเดิมหรือไม่? ต่อให้เข้าใจการตัดสินใจครั้งนี้ แต่จะยอมรับได้หรือเปล่าก็อีกเรื่องหนึ่ง
เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ราฟาเอลไปคุมทีมคู่แข่ง ครั้งหนึ่งเขาเคยรับงานเชลซีมาแล้วในระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งกระแสตอบรับก็ไม่ดีนัก เพียงแต่ไม่ใช่คู่ปรับทางสายเลือดโดยตรงเหมือนเอฟเวอร์ตัน
เชื่อได้ว่า ‘สถานะ’ ของราฟาเอลกับลิเวอร์พูลจะไม่มีวันเหมือนเดิม
เพราะความรู้สึกมันเกิดขึ้นแล้ว และไม่ง่ายที่จะยอมรับ
ความรู้สึกและการยอมรับของแฟนบอลเอฟเวอร์ตัน
ที่หนักกว่าแฟนบอลลิเวอร์พูลคือแฟนบอลเอฟเวอร์ตันครับ
พวกเขาต่อต้านความคิดนี้อย่างชัดเจน เอฟเวอร์ตันต้องการผู้จัดการทีมคนใหม่ฝีมือดีที่จะมาแทนที่ คาร์โล อันเชล็อตติ ก็จริง แต่มันไม่ได้หมายความว่าเหล่าเอฟเวอร์โตเนียนต้องการอดีตผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลมาเป็นนายใหญ่ของพวกเขา!
ตลอดช่วงที่ผ่านมาเสียงประท้วงดังมาก แรงมากในโลกออนไลน์ แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เมื่อ ฟาร์ฮัด โมชิริ ประธานและเจ้าของสโมสรตัดสินใจอย่างเด็ดขาดที่จะเลือกคนที่มีโปรไฟล์ดีอย่างราฟาเอลเข้ามาทำให้โปรเจกต์สร้างเอฟเวอร์ตันเป็นยอดทีมเดินหน้าต่อไปอย่างไม่สะดุด
การตัดสินใจครั้งนี้โมชิริได้มีการปรึกษาหุ้นส่วนอย่าง อลิเชอร์ อุสมานอฟ (อดีตผู้ถือหุ้นใหญ่ของอาร์เซนอล) และยังได้มีการต่อสายตรงถึง โรมัน อบราโมวิช เจ้าของทีมเชลซีที่เคยจ้างราฟาเอลมาคุมทีมเป็นระยะเวลาสั้นๆ และได้คำตอบเป็นที่น่าพอใจ
ที่ผ่านมาเขาลงทุนกับสโมสรไปมากกว่า 450 ล้านปอนด์ ไม่นับโครงการการก่อสร้างสนามใหม่ที่ได้รับการอนุมัติจากสภาเมืองแล้ว ซึ่งทำให้เอฟเวอร์ตันเป็นทีมที่ดูดีมีอนาคตขึ้นมาก แต่ในส่วนของทีมยังคงไม่ไปถึงจุดที่ต้องการ และเขาเชื่อว่าราฟาเอลน่าจะเป็นคนที่ช่วยทำให้ทีมไปถึงจุดนั้นได้
แต่คำถามสำคัญคือมันจะเป็นไปได้ไหมในเมื่อแฟนบอลไม่เอาด้วย
ความเห็นจากผู้รู้ในวงการมองว่านี่คือการเดิมพันที่มีราคาแพงมากของโมชิริ
แอนดี้ ฮันเตอร์ จาก The Guardian วิเคราะห์ว่าการเดิมพันตั้งราฟาเอลคุมทัพนั้นมีโอกาสจะทำให้เอฟเวอร์ตันนั้นมีรอยปริแตกแยกยิ่งกว่าเดิม โดยเฉพาะในความสัมพันธ์ระหว่างบอร์ดบริหารกับแฟนฟุตบอล
ประเด็นนี้ยังทำให้คิดถึงกรณีของ 6 สโมสรอังกฤษที่เข้าร่วม European Super League ที่นำไปสู่การแสดงพลังของแฟนบอลที่ต้องการให้สโมสรสนใจเสียงของพวกเขาบ้าง จนหลายสโมสรตัดสินใจจะให้มีแฟนบอลเป็นสมาชิกพิเศษในคณะบอร์ดบริหารที่จะมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเรื่องสำคัญๆ
ขณะที่ แซม วอลเลซ จาก The Daily Telegraph ชี้ให้เห็นว่า ถึงราฟาเอลจะไม่ใช่ผู้จัดการทีมคนแรกที่ ‘ข้ามฝั่ง’ แต่ตามประวัติศาสตร์แล้วคนที่ข้ามฝั่งมักจะล้มเหลวมากกว่าประสบความสำเร็จ
🔘 Instilling a winning mentality at Everton
🔘 Why he wanted the job
🔘 Previous comments
🔘 Fulfilling ambitions
🔘 Relationship with Marcel BrandsRafael Benitez addresses a range of points in his first interview as manager…
🎥 https://t.co/OnaGOdU0jc pic.twitter.com/NrtdPJxRGx
— Everton (@Everton) June 30, 2021
ความท้าทายของราฟาเอล
ถึงจะเคยเป็นหนึ่งในสุดยอดกุนซือของยุโรปในยุคมิลเลนเนียล แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าแนวทางในการทำทีมของราฟาเอลนั้นไม่ได้อยู่ในกลุ่มระดับท็อปของวงการเหมือนในอดีต ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะขนาดคู่แข่งร่วมรุ่นอย่าง โชเซ มูรินโญ เจ้าของสมญา The Special One เองก็ยังกลายเป็นกุนซือเกรดรองไปแล้วในเวลานี้
และจากข้อเท็จจริงที่ราฟาเอลว่างงานอยู่นานจนไปรับคุมทีมสโมสรในไชนีส ซูเปอร์ ลีก (ต้าเหลียง) และเมื่อขอยกเลิกสัญญาด้วยความจำเป็นก็ไม่มีสโมสรใดที่ติดต่อเขามาเลย เป็นเครื่องสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในตัวของกุนซือรายนี้ได้เป็นอย่างดีว่า เขาไม่ได้มีสถานะเหมือนเดิม
ดังนั้นงานของเขาในการปั้นสโมสรอย่างเอฟเวอร์ตันให้กลายเป็นทีมในระดับ Top 4 หรือ Top 6 นั้นเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย ด้วยสไตล์ที่เหมือนจะเป็นบอลที่ล้าสมัยแล้วด้วยยิ่งหนักข้อเข้าไปอีก
แต่ที่ยากกว่าคือการจะทำอย่างไรให้แฟนบอลเอฟเวอร์ตันหันมาเป็นพวกเดียวกันก่อน? เพราะถึงจะเป็นผู้จัดการทีมที่ ‘บ้างาน’ มากที่สุดคนหนึ่ง และเป็นคนที่ไม่ว่าจะไปคุมทีมใด (ยกเว้นเรอัล มาดริด) ก็จะได้รับใจจากแฟนบอลที่ชื่นชมความทุ่มเทในการทำงานของเขาเสมอ แต่ครั้งนี้มันแตกต่างเพราะเขาเคยเป็น ‘ศัตรู’ และมันยังเป็นอยู่
การต่อต้านนั้นรุนแรงถึงขั้นมีแฟนบอลทำป้ายขู่ว่า “เรารู้นะว่าคุณพักที่ไหน”
ถึงราฟาเอลจะมั่นใจในความเป็นมืออาชีพของตัวเอง และตามข้อมูลจาก The Athletic แล้ว เขาเองก็เป็นคนที่แทบจะ ‘เสนอตัว’ ทำงานนี้มาโดยตลอด เพราะสนใจในการคุมทีมเอฟเวอร์ตันมาก ซึ่งจังหวะและโชคเข้าข้างเพราะเป้าหมายแรกของโมชิริอย่าง นูโน เอสปิริโต ซานโต เจรจากันไม่สำเร็จ แต่การชนะใจเอฟเวอร์โตเนียนนั้นเป็นเรื่องที่ดูแล้วยากมากจริงๆ
อย่างไรก็ดีราฟาเอลยังโชคดีที่ได้พวกคนสำคัญแล้วหนึ่งคนคือ ดันแคน เฟอร์กูสัน ตำนานกูดิสันพาร์กที่ยอมอยู่ช่วยทีมต่อไป
ส่วนที่เหลือหลังจากนี้จะเป็นการวัดฝีมือ ไม่เพียงแค่เฉพาะฝีมือของราฟาเอล แต่รวมถึงฝีมือของฝ่ายบริหารด้วยว่าจะลดทอนกระแสต่อต้าน และเปลี่ยนมาเป็นการสนับสนุนได้ไหม
ที่แน่ๆ ตอนนี้เกมเมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บีแมตช์ในฤดูกาลหน้า น่าจะเป็นเกมที่เดือดจัดหมื่นฟาเรนไฮต์เลยทีเดียว!
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
- https://www.theguardian.com/football/2021/jul/01/rafael-benitez-is-a-gamble-that-could-expose-evertons-wider-fragility
- https://theathletic.com/2682660/2021/07/01/billionaires-bold-calls-and-a-plot-like-a-hollywood-film-how-evertons-manager-search-ended-with-rafa-benitez/
- https://www.thetimes.co.uk/article/rafa-benitez-urges-everton-fans-to-back-him-mlz7r58j8
- https://www.telegraph.co.uk/football/2021/06/29/rafael-benitez-named-new-everton-manager-three-year-deal/