เมื่อวานนี้ (31 พฤษภาคม) เหตุประท้วงเรียกร้องความยุติธรรมให้แก่ จอร์จ ฟลอยด์ ผู้ปลุกกระแสต่อต้านการเหยียดสีผิวในสังคมอเมริกันบานปลายกลายเป็นเหตุจลาจลในหลายเมืองทั่วประเทศ ผู้คนจำนวนไม่น้อยใช้โอกาสนี้ทุบทำลายและเผาอาคารหลายแห่ง รวมถึงปล้นสะดมในร้านค้าและศูนย์การค้าต่างๆ โดยเฉพาะชอปของสินค้าแบรนด์เนม ทำให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างโดนัลด์ ทรัมป์มองว่า เหตุจลาจลที่เกิดขึ้นไปไกลมากกว่าแค่ประเด็นการเหยียดสีผิวไปแล้ว
ทางการหลายพื้นที่ต่างประกาศช่วงเวลาเคอร์ฟิว เพื่อหวังที่จะควบคุมสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นต่อเนื่องตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยกลุ่มผู้ประท้วงส่วนใหญ่ต้องการให้ทางการดำเนินคดีตามกฎหมายกับอดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 3 รายที่เกี่ยวข้องกับการกระทำเกินกว่าเหตุในครั้งนั้น หลัง Derek Chauvin ถูกตั้งข้อหาฆาตกรรม จอร์จ ฟลอยด์ โดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เตรียมขึ้นศาลเมืองมินนีแอโปลิสในวันนี้ (1 มิถุนายน) ตามเวลาท้องถิ่น
ด้าน Philonise Floyd พี่ชายของ จอร์จ ฟลอยด์ ระบุว่า พลเมืองจำนวนมากจะยังคงเดินหน้าประท้วงต่อไป เพราะพวกเราทุกคนต้องการเพียงแค่ความยุติธรรมในเวลานี้
“ผมอยากจะขอให้ทุกคนประท้วงอย่างสันติ เพราะเราต้องการความยุติธรรมและนั่นเป็นเหตุผลที่เราออกมาร่วมกันทำสิ่งนี้ คนผิวสีจำนวนมากต้องจบชีวิตลงมากมาย พวกเรารู้สึกเหนื่อยมากแล้วตอนนี้ พลเมืองแอฟริกัน-อเมริกันต้องการที่จะยืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้อง”
ก่อนหน้านี้รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศจุดยืนที่จะยังคงสนับสนุนสิทธิในการชุมนุม หากการชุมนุมนั้นเป็นไปอย่างสันติ แต่สิ่งที่เห็นอยู่เบื้องหน้า มีผู้คนจำนวนไม่น้อยฉกฉวยโอกาสนี้ใช้ความรุนแรงและระบายความโกรธแค้นออกมา โดยการกระทำเหล่านี้เป็นการกระทำที่ไม่ได้เกิดจากความยุติธรรมหรือเป็นไปอย่างสันติแต่อย่างใด
ภาพ: Mostafa Bassim / Anadolu Agency via Getty Images
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: