×

สรุปผลกระทบจากแผ่นดินไหวต่อ 6 กลุ่มหุ้นไทย ภาพรวมอาจเป็นลบแค่ระยะสั้น

02.04.2025
  • LOADING...
quake-impact-thai-stocks

จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ขนาด 8.4 ที่มีศูนย์กลางอยู่ใกล้เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา แต่แรงสั่นสะเทือนสามารถรับรู้ได้ในประเทศไทย รวมถึงกรุงเทพมหานคร จนนำไปสู่ความเสียหายต่ออาคารและสิ่งปลูกสร้างจำนวนมาก

 

สำหรับตลาดหุ้นไทยเป็นหนึ่งในจุดที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (31 มีนาคม) ดัชนี SET เปิดกระโดดลงทันที 20 จุด จากวันทำการก่อนหน้า มาแตะระดับ 1,155 จุด แต่ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ความตื่นตระหนกดูเหมือนจะเริ่มคลี่คลายไปได้พอสมควร ดัชนีค่อยๆ ฟื้นตัวกลับมาสู่ระดับ 1,170-1,175 จุด

 

แน่นอนว่าจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผลกระทบต่อแต่ละอุตสาหกรรมและแต่ละธุรกิจต่างกันออกไป THE STANDARD WEALTH ได้รวบรวมและสรุปความเห็นของนักวิเคราะห์จากหลายบริษัท ดังนี้ 

 

กลุ่มอสังหาริมทรัพย์

 

เป็นหนึ่งในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น ราคาหุ้นของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายรายปรับตัวลงในระดับ 5-10% 

 

บล.ทรีนีตี้ ระบุว่า หุ้นกลุ่มแรกที่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญคือกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะบริษัทที่เน้นพัฒนาโครงการแนวสูง เช่น ANAN, ORI, SIRI, SPALI และ LPN แม้ว่าโครงการจะสร้างตามมาตรฐานความปลอดภัยที่รองรับแผ่นดินไหว แต่ความกังวลของผู้บริโภคเกี่ยวกับความมั่นคงปลอดภัยของที่อยู่อาศัย อาจกลายเป็นต้นทุนที่ไม่สามารถมองเห็นได้ชัด ซึ่งส่งผลกระทบต่อยอดขายและอัตรากำไรของบริษัทในระยะสั้นถึงกลาง  

 

เมื่อพิจารณาถึงเหตุการณ์ภัยพิบัติในอดีต แม้ประเทศไทยจะไม่ค่อยประสบกับแผ่นดินไหวรุนแรง แต่สามารถเทียบเคียงแรงกระเพื่อมในแง่มุมของผลกระทบทางเศรษฐกิจและตลาดทุนกับเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในปี 2554 ในช่วงเวลาดังกล่าว ดัชนีกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ (SET Prop) ปรับตัวลดลงกว่า 25% 

 

อย่างไรก็ดี ในกรณีของแผ่นดินไหวครั้งนี้ ผลกระทบต่อกลุ่มอสังหาริมทรัพย์คาดว่าจะอยู่ในระดับจำกัด เนื่องจากประเทศไทยไม่ได้มีประวัติของแผ่นดินไหวรุนแรงบ่อยครั้ง และเหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นกรณีเฉพาะที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก

 

กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง

 

บล.ทรีนีตี้ มองว่า เหตุการณ์อาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่มในช่วงแผ่นดินไหว กลายเป็นประเด็นที่สร้างแรงกระเพื่อมต่อความเชื่อมั่นในอุตสาหกรรมก่อสร้าง โดยเฉพาะกิจการร่วมค้าไอทีดี-ซีอาร์ซี ซึ่งประกอบด้วยบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ที่รับหน้าที่ควบคุมการก่อสร้าง โครงการนี้อาจส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของ ITD ทั้งในแง่ของภาพลักษณ์และความรับผิดชอบต่อความเสียหาย

 

กลุ่มวัสดุก่อสร้าง

 

ในระยะถัดไปเมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลายและเข้าสู่ภาวะปกติ การฟื้นฟูและซ่อมแซมอาคารบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายจะกลายเป็นภารกิจสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการ ซึ่งจะทำให้ความต้องการใช้วัสดุก่อสร้าง เช่น ปูนซีเมนต์ กระเบื้อง รวมถึงสีทาอาคาร มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในแง่นี้ บริษัทที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและจัดจำหน่ายวัสดุเหล่านี้ อาทิ HMPRO, SCGD, SCC, SCCC, DOHOME, GLOBAL, TOA และ DCC จะมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการฟื้นฟูและสร้างความมั่นคงให้แก่ชุมชนอีกครั้ง

 

กลุ่มท่องเที่ยว

 

บล.ทรีนีตี้ ระบุว่า ในช่วงสั้น ภาคการท่องเที่ยวอาจได้รับผลกระทบบางส่วนจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ซึ่งอาจทำให้มีการตัดสินใจยกเลิกการเข้าพักในบางพื้นที่ ส่งผลให้อัตราการเข้าพักของโรงแรมในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายนมีแนวโน้มปรับตัวลดลงเล็กน้อย โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการโรงแรม เช่น ERW, MINT, CENTEL, DUSIT และ VERANDA 

 

อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามผู้ประกอบการโรงแรมส่วนใหญ่ ยังคงมีการให้บริการตามปกติและยังไม่พบสัญญาณการยกเลิกการเข้าพักในระดับที่น่ากังวล

 

ในระยะถัดไป คาดว่าความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวจะฟื้นกลับมา โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดสงกรานต์ ซึ่งเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวสำคัญของไทย ทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติยังคงมีแนวโน้มเดินทางเพิ่มขึ้น

 

ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวภายในประเทศกำลังเข้าสู่ช่วงฤดูกาลโลว์ซีซัน (Low Season) ซึ่งจะส่งผลให้อัตราการเข้าพักอ่อนตัวลงในไตรมาสที่ 2 อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งอัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) และราคาห้องพักเฉลี่ย (Room Rate) ยังคงมีทิศทางเติบโต และยังอยู่ในระดับที่สูงกว่าช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19

 

เมื่อพิจารณาเหตุการณ์ภัยพิบัติในอดีต แม้ประเทศไทยจะไม่ใช่พื้นที่ที่เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงบ่อยครั้ง แต่เหตุการณ์ที่ใกล้เคียงในเชิงผลกระทบต่อการท่องเที่ยวสามารถเทียบได้กับเหตุการณ์สึนามิเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2547 ซึ่งส่งผลกระทบต่อแหล่งท่องเที่ยวหลักอย่างภูเก็ตและพังงา อย่างไรก็ตาม ดัชนี SET Tourism ในช่วงเวลาดังกล่าวปรับตัวลดลงเพียง 4% สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถของภาคท่องเที่ยวไทยในการฟื้นตัวจากเหตุการณ์ลักษณะนี้ในระยะต่อมา

 

กลุ่มประกัน

 

บล.กสิกรไทย ระบุว่า แม้ว่าผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวยังอยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหายก่อนแจ้งเคลม แต่คาดว่าผลกระทบต่อธุรกิจประกันจะยังอยู่ในกรอบที่สามารถบริหารจัดการได้ เนื่องจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเป็นภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นไม่บ่อยในไทย อีกทั้งบริษัทประกันไทยส่วนใหญ่มีการกระจายความเสี่ยงผ่านการทำประกันภัยต่อ (Reinsurance) กับบริษัทในต่างประเทศ

 

ขณะเดียวกัน อัตราเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (RBC) ของธุรกิจประกันชีวิตและประกันวินาศภัยยังอยู่ในระดับสูงกว่าขั้นต่ำประมาณ 3 เท่า ทำให้ภาคธุรกิจสามารถรองรับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ภัยธรรมชาติอาจทำให้ความต้องการประกันภัยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะประกันอัคคีภัยและประกันภัยความเสี่ยงทุกประเภท (Industrial All Risks Insurance – IAR) แต่บริษัทประกันยังคงต้องบริหารจัดการอัตราส่วนความเสียหาย (Loss Ratio) อย่างรอบคอบ โดยเฉพาะในกลุ่มประกันอัคคีภัยที่มีแนวโน้มเติบโตตามความถี่ของภัยธรรมชาติ

 

นอกจากนี้ การบริหารความเสี่ยงจากธุรกิจประกันภัยประเภทอื่น เช่น ประกันภัยรถยนต์ ประกันอุบัติเหตุ และประกันสุขภาพ ซึ่งมีขนาดใหญ่และซับซ้อนกว่ายังคงเป็นปัจจัยที่ต้องจับตา

 

กลุ่มธนาคารพาณิชย์

 

บล.กสิกรไทย มองว่า มาตรการให้ความช่วยเหลือทางการเงินที่เพิ่งประกาศออกมา อาจช่วยบรรเทาผลกระทบในระยะสั้นและช่วยประคองภาพรวมสินเชื่อได้บางส่วน อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของสินเชื่อในปีนี้ยังคงเผชิญแรงกดดันจากกำลังซื้อที่อ่อนแอและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่า สินเชื่อในระบบธนาคารพาณิชย์ไทยปี 2568 จะเติบโตเพียง 0.6%

ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่

  1. คุณภาพสินเชื่อ – โดยเฉพาะสินเชื่อภาคอสังหาริมทรัพย์ ก่อสร้าง และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งก่อนหน้านี้มีแนวโน้มถดถอยอยู่แล้วหลังช่วงโควิด-19 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่าสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ในระบบธนาคารพาณิชย์ อาจขยับจาก 2.7% ณ สิ้นปี 2567 ไปสู่ช่วง 2.65-2.85% ณ สิ้นปี 2568
  2. การไถ่ถอนหุ้นกู้ของภาคธุรกิจ – โดยเฉพาะบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและมีหนี้สินครบกำหนดในปีนี้
  3. แนวโน้มการลดอัตราดอกเบี้ย – หากเศรษฐกิจไทยส่งสัญญาณการชะลอตัวที่ชัดเจนขึ้น อาจมีความเป็นไปได้ที่ภาครัฐจะพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อรายได้ดอกเบี้ยสุทธิของธนาคารพาณิชย์ในระยะต่อไป

 

ภาพ: Shutterstock AI/Shutterstock

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising