ชาญชัย ชัยประสิทธิ์ หัวหน้าสำนักงานตรวจสอบบัญชี PwC Thailand ให้ข้อมูลในงาน PwC Thailand’s Symposium 2018 ว่า ทุกธุรกิจขณะนี้กำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่เทคโนโลยีจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำธุรกิจอย่างสิ้นเชิง หากพิจารณาจาก 5 เมกะเทรนด์สำคัญ คือ 1. การเข้าสังคมผู้สูงอายุ 2. พลังเศรษฐกิจเอเชียที่มีมากขึ้น 3. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 4. การเข้าสู่สังคมเมืองมากขึ้น และ 5. บทบาทของเทคโนโลยีที่กระทบกับทุกชีวิต ค่อนข้างชัดเจนว่าจะมีเงินทุนไหลเข้ามาในประเทศแถบเอเชียมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มประเทศอาเซียนที่เศรษฐกิจขยายตัวอย่างร้อนแรง คำถามสำคัญคือ ภาคธุรกิจมีความพร้อมเพียงใดในการยกระดับสู่มาตรฐานสากล โดยเฉพาะประเด็นมาตรฐานทางบัญชีใหม่ที่จะเริ่มใช้บางส่วนในปี 2562 นี้
การเปลี่ยนแปลงมาตรฐานทางบัญชีที่สำคัญและเป็นสิ่งที่ภาคธุรกิจต้องตื่นตัว ซึ่งข้อมูลทางบัญชีจะต้องวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ (Predictive Analysis) และการคาดการณ์ไปยังอนาคต (Forward Looking) ได้ เป็นต้น มาตรฐานใหม่ที่น่าจะมีผลกระทบในวงกว้าง ได้แก่ มาตรฐานรายงานทางการเงินสำหรับเครื่องมือทางการเงิน (IFRS9) ซึ่งเป็นประเด็นใหญ่ มาตรฐานการรายงานทางการเงินเรื่องรายได้จากสัญญาที่ทำกับลูกค้า (TFRS15) และมาตรฐานการรายงานทางการเงินเรื่องสัญญาเช่า (TFRS16)
สำหรับ IFRS9 ถูกเลื่อนการบังคับใช้ออกไปเป็นวันที่ 1 มกราคม 2563 เนื่องจากผู้ประกอบการไทยยังมีปัญหาด้านความพร้อมของระบบบัญชี หลักสำคัญคือ การเปลี่ยนแปลงการจัดประเภทและการวัดมูลค่าของทรัพย์สิน หนี้สินทางการเงิน การปรับปรุงวิธีการรับรู้การด้อยค่า (Impairment) และการป้องกันความเสี่ยงทางบัญชี ซึ่งทุกธุรกิจจะต้องกันเงินสำรองจากการให้กู้ยืมเร็วขึ้น และตั้งประมาณด้อยค่าตั้งแต่วันแรกที่เกิดรายการขึ้น ซึ่งแตกต่างจากกระบวนการทางบัญชีเดิมที่ใช้กันในทุกวันนี้อย่างชัดเจน
ชาญชัยให้ความเห็นว่า ธุรกิจกลุ่มสถาบันการเงิน ซึ่งเป็นองค์กรขนาดใหญ่ มีความพร้อมด้านข้อมูลและระบบที่รองรับ IFRS9 เกือบสมบูรณ์แล้ว แต่ที่น่ากังวลคือ ธุรกิจอื่นๆ ทั่วไปจำนวนมากยังไม่ได้เตรียมความพร้อมยกระดับสู่มาตรฐานทางบัญชีใหม่ ซึ่งอาจไม่ทันเวลาที่เริ่มบังคับใช้ได้ ทั้งที่ประเด็นนี้จะมีผลกระทบต่อธุรกิจของทุกองค์กรอย่างชัดเจน
สิ่งที่น่าจับตาคือ หลักเกณฑ์ใหม่ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ที่ประกาศเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ให้กิจการที่ยื่นจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จะต้องจัดทำรายงานทางการเงินตามมาตรฐานบัญชีใหม่เป็นเวลาอย่างน้อย 3 ปี ซึ่งจะต้องถูกตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชีที่ กลต.ให้ความเห็นชอบเท่านั้น ซึ่งหลักเกณฑ์นี้จะบังคับใช้ในปี 2567 นี้ นั่นคือ ธุรกิจที่จะเข้าตลาดหุ้นต้องเริ่มใช้มาตรฐานบัญชีใหม่อย่างช้าในปี 2564 จึงน่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก ที่จะต้องเร่งปรับตัวเรื่องนี้ เพราะเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
- PwC Thailand