วานนี้ (21 ธันวาคม) ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ออกมากล่าวว่า รัสเซียไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เกิดสงครามในยูเครน พร้อมเสริมว่าทั้งสองประเทศนั้นเจอโศกนาฏกรรมร่วมกัน และเขายังคงมองยูเครนเป็นประเทศบ้านพี่เมืองน้องอยู่เช่นเดิม
ในระหว่างการปราศรัยร่วมกับเจ้าหน้าที่กองทัพระดับสูง ประธานาธิบดีปูตินกล่าวว่า “ไม่มีอะไรต้องกล่าวโทษเรา เรามองชาวยูเครนเป็นพี่น้องกันมาโดยตลอด และผมก็ยังคิดเช่นนั้น
“สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นโศกนาฏกรรมที่เราเผชิญร่วมกัน แต่มันไม่ได้เป็นเพราะนโยบายของเรา แต่เป็นเพราะนโยบายของประเทศที่สาม”
โดยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปูตินได้ส่งทหารกว่า 200,000 นายเข้าบุกยูเครน ก่อให้เกิดการสู้รบที่กินเวลามาถึง 10 เดือน และมีผู้เสียชีวิตหลายพันคน ขณะปูตินอ้างว่า ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากนโยบายของ ‘ประเทศที่สาม’ โดยในระหว่างการปราศรัยปูตินกล่าวว่า ชาติตะวันตกได้ล้างสมองกลุ่มสหภาพโซเวียตเก่า (Post-Soviet Republics) เริ่มต้นจากยูเครน
ปูตินกล่าวว่า “ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เราพยายามที่จะสร้างความสัมพันธ์ฉันมิตรที่ดีกับยูเครน โดยเสนอสินเชื่อและพลังงานราคาถูกให้ แต่ก็ไม่เป็นผล”
ทั้งนี้ สื่อต่างประเทศมองว่าประเด็นที่ปูตินรู้สึกกังวลมาอย่างยาวนานนั้นคือการขยายตัวขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ NATO ที่แผ่อิทธิพลมากขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่ที่สหภาพโซเวียตล่มสลายในปี 1991 โดยเป้าหมายดั้งเดิมของ NATO นั้นคือการรับมือกับการขยายอำนาจของรัสเซียหลังผ่านพ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่รัสเซียแย้งว่า การที่ NATO ยอมรับอดีตพันธมิตรของโซเวียตหลายชาติเข้าร่วมเป็นสมาชิกได้คุกคามความมั่นคงของชาติ
ขณะที่ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและชาติตะวันตกได้ทวีความรุนแรงขึ้น หลังจากที่รัฐสภายูเครนลงมติถอดถอน วิกเตอร์ ยานูโควิช (Viktor Yanukovych) อดีตประธานาธิบดียูเครนออกจากตำแหน่งเมื่อปี 2014 โดยยานูโควิชก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดียูเครนเมื่อปี 2010 และมีนโยบายสนับสนุนรัสเซียอย่างเต็มที่
อนึ่ง นับตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม รัสเซียได้ใช้มิสไซล์มากกว่า 1,000 ลูก และโดรนพิฆาตเข้าถล่มโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของยูเครน จนทำให้ประชาชนหลายล้านคนตกอยู่ในสภาพที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ ขณะที่เจ้าหน้าที่ของกองทัพรัสเซียลั่นวาจาว่า จะดำเนิน ‘ปฏิบัติการทางทหารพิเศษ’ ต่อไปในปี 2023
แฟ้มภาพ: Contributor / Getty Images
อ้างอิง:
